แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องและบังคับคดีแก่จำเลยในระหว่างจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้วการจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยจึงอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา22,109และเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ศาลชั้นต้นเปิดคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไว้ในคดีนี้แล้วโอนเงินที่เหลือภายหลังหักค่าใช้จ่ายส่งเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายกรณีถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทนตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา22ประกอบกับมาตรา6การยึดทรัพย์สินเพื่อบังคับคดีในคดีนี้จึงมีผลเท่ากับเป็นการยึดทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายซึ่งผู้ใดจะคัดค้านจะต้องยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา158ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์ในคดีนี้และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้แม้ไม่มีผู้ใดยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา153
ย่อยาว
คดี สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน 311,982บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี ของ ต้นเงิน 290,216 บาทนับแต่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2533 เป็นต้น ไป จนกว่า ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์จำเลย ไม่ชำระ หนี้ โจทก์ บังคับคดี นำ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ยึดเครื่อง เฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องเรือน ต่าง ๆ รวม 55 รายการ ที่ห้าง ผู้ร้อง เพื่อ ขายทอดตลาด ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง และ แก้ไข คำร้อง ว่า ทรัพย์ ที่ โจทก์ นำยึดรวม 55 รายการ เป็น เงิน 249,750 บาท เป็น สินค้า ของ ผู้ร้อง มีไว้เพื่อ จำหน่าย ใน กิจการ ค้า ของ ผู้ร้อง มิใช่ ทรัพย์สิน ของ จำเลยขอให้ปล่อย ทรัพย์ ที่ ยึด
โจทก์ ให้การ ว่า ทรัพย์ ที่ ยึด เป็น ของ จำเลย โดย จำเลย ได้ ลงทุนและ ลง แรง ใน การ เปิด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้ร้อง จำเลย เป็น ญาติ กับนาง วิภาวรรณ ทานธนะเจริญ หุ้นส่วน ผู้จัดการ ของ ห้าง ผู้ร้อง แต่ ไม่มี ชื่อ เป็น หุ้นส่วน ใน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้ร้อง เพราะ จำเลย เป็นคน ล้มละลาย จำเลย สั่ง ซื้อ สินค้า จาก โจทก์ เป็น เงิน 310,216 บาทโจทก์ ได้ นำ ไป ส่ง ให้ ที่ ห้าง ผู้ร้อง และ ห้าง ผู้ร้อง ก็ ได้ ออก เช็คชำระ ค่าสินค้า บางส่วน เป็น เงิน 20,000 บาท ให้ แก่ โจทก์ ส่วน ที่ เหลือไม่ยอม ชำระ ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง เพื่อ ประวิงคดี และ ช่วยเหลือ จำเลยขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก คำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง จำเลย และ ขอให้ บังคับคดีแก่ จำเลย ใน ระหว่าง จำเลย เป็น บุคคล ล้มละลาย ตาม คดี หมายเลขแดง ที่ล. 79/2528 ของ ศาลชั้นต้น ซึ่ง ตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 บัญญัติ ว่า เมื่อ ศาล สั่ง พิทักษ์ทรัพย์ ของ ลูกหนี้ แล้วเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ แต่ ผู้เดียว มีอำนาจ จัดการ และ จำหน่ายทรัพย์สิน ของ ลูกหนี้ ตลอดจน เก็บ รวบรวม และ รับ เงิน หรือ ทรัพย์สินซึ่ง จะ ตก ได้ แก่ ลูกหนี้ หรือ ซึ่ง ลูกหนี้ มีสิทธิ จะ ได้รับ จาก ผู้อื่นและ มาตรา 109 บัญญัติ ให้ ทรัพย์สิน ซึ่ง ลูกหนี้ ได้ มา ภายหลัง เวลาเริ่มต้น แห่ง การ ล้มละลาย จน ถึง เวลา ปลด จาก ล้มละลาย ให้ ถือว่า เป็นทรัพย์สิน ใน คดีล้มละลาย อัน อาจ แบ่ง แก่ เจ้าหนี้ ได้ การ ที่ โจทก์ ฟ้องและ บังคับคดี เอา แก่ ทรัพย์สิน ของ จำเลย ใน คดี นี้ จึง เป็น การ บังคับแก่ ทรัพย์สิน ซึ่ง จำเลย ได้ มา ภายหลัง เวลา เริ่มต้น แห่ง การ ล้มละลายซึ่ง อยู่ ใน อำนาจ ของ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ แต่ ผู้เดียว ที่ จะ จัดการและ จำหน่าย ทรัพย์สิน นั้น ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าว และ ปรากฏ ตาม บันทึกของ เจ้าพนักงาน บังคับคดี ลงวันที่ 29 มีนาคม 2534 ว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้ รายงาน ขอให้ ศาลชั้นต้น เปิด คดี และ ขอให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี ขายทอดตลาด ทรัพย์สิน ที่ ยึด แล้ว โอน เงิน ที่ เหลือ ภายหลังหัก ค่าใช้จ่าย ส่ง เข้า กอง ทรัพย์สิน ของ จำเลย ใน คดีล้มละลาย หมายเลขแดงที่ ล. 79/2528 ของ ศาลชั้นต้น อันเป็น กรณี ที่ ถือได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ ปฏิบัติการ แทน เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ตาม ที่ ได้รับมอบหมาย จาก เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 22 ประกอบ กับ มาตรา 6 นั่นเอง การ บังคับคดีที่ โจทก์ นำยึด ทรัพย์สิน ต่าง ๆ ของ จำเลย ใน คดี นี้ จึง มีผล เท่ากับเป็น การ ยึดทรัพย์สิน ของ จำเลย ใน คดีล้มละลาย ตาม อำนาจ หน้าที่ ของเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ ซึ่ง พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 158 บัญญัติ ให้ ผู้มีส่วนได้เสีย คนใด ที่ เห็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ไม่มี สิทธิ ยึดทรัพย์สิน อย่างหนึ่ง อย่างใด จะ ต้อง ยื่นคำคัดค้าน ต่อ เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ แล้ว ให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สอบสวน และ มี คำสั่ง ซึ่ง เป็น กระบวนพิจารณา ที่ ต้อง กระทำใน คดีล้มละลาย การ ที่ ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ขัดทรัพย์ ใน คดี นี้ จึง เป็นการ ไม่ชอบ ผู้ร้อง ไม่มี สิทธิ ยื่น คำร้อง ขัดทรัพย์ ใน คดี นี้ ได้และ ปัญหา นี้ เป็น ข้อกฎหมาย อัน เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชนศาลฎีกา มีอำนาจ ยกขึ้น วินิจฉัย ได้ แม้ ไม่มี ฝ่ายใด ยกขึ้น อ้าง ใน ชั้นฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบ ด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 เมื่อ วินิจฉัยเช่นนี้ แล้ว ไม่จำต้อง วินิจฉัย ฎีกา ของ ผู้ร้อง ที่ ศาลล่าง ทั้ง สองต่าง พิพากษายก คำร้องของผู้ร้อง ต้อง ตาม กัน มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยใน ผล ”
พิพากษายืน