แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 เดิม (แก้ไขใหม่มาตรา 1598/25) ประกอบกับพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัวพ.ศ. 2478 มาตรา 22 บัญญัติแต่เพียงว่าการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเท่านั้นไม่ได้บังคับว่าคู่สมรสจะต้องลงลายมือชื่อให้ความยินยอมด้วยตนเอง ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบันทึกด้านหลัง ค.ร.13 ตามคำร้องให้ความยินยอมของคู่สมรสไว้ว่าคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมมาให้ความยินยอมแล้วการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเป็นเอกสารมหาชน เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าเป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์อย่างไร ต้องถือว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องสมบูรณ์รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นาวาตรีหญิงอำไพวงศ์ ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ได้จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยปลอมลายมือชื่อของโจทก์เพื่อแสดงแก่นายทะเบียนว่า โจทก์ในฐานะคู่สมรสได้ให้ความยินยอมแล้ว ซึ่งความจริงโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม ต่อมานาวาตรีหญิงอำไพวงศ์ถึงแก่ความตายทำให้โจทก์เสียสิทธิที่จะได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของนาวาตรีหญิงอำไพวงศ์แต่ผู้เดียว จึงขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของนาวาตรีหญิงอำไพวงศ์ โหประพัฒน์ และให้จำเลยกลับคืนสู่สถานะเดิม
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้รับบุตรบุญธรรม โจทก์ให้ความยินยอมในการที่นาวาตรีหญิงอำไพวงศ์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม โดยทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อหน้านายทะเบียน นอกจากนั้นโจทก์ยังได้ยินยอมให้จำเลยใช้นามสกุลโจทก์และพักอาศัยอยู่ร่วมกันตลอดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2509 นาวาตรีหญิงอำไพวงศ์ผู้รับบุตรบุญธรรมจึงไปจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม คดีของโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมนั้น หากผู้รับบุตรบุญธรรมมีคู่สมรส คู่สมรสจะต้องให้ความยินยอมขอในการจดทะเบียนโดยมีลายมือชื่อของคู่สมรสอย่างชัดเจนจึงจะมีผลสมบูรณ์และมีแบบพิมพ์ ค.ร.13 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในการรับบุตรบุญธรรมทุกคนจะต้องลงลายมือชื่อในด้านหลังนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 เดิมที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นประกอบกับพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478มาตรา 22 บัญญัติแต่เพียงว่าการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเท่านั้นไม่ได้บังคับว่าจะต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเอง คดีนี้โจทก์เบิกความยอมรับว่าทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.3 เป็นเอกสารราชการซึ่งเจ้าพนักงานได้บันทึกไว้ด้านหลังเอกสารฉบับนี้มีใจความว่า วันนี้ร้อยโทหญิงอำไพวงศ์ โหประพัฒน์ มายื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กหญิงพรรณภา ไทยตรงเป็นบุตรบุญธรรมโดยมีเรือโทประพันธ์ โหประพัฒน์คู่สมรสมาให้ความยินยอมในด้านหลัง ค.ร.13 แล้ว และนางวันทนาบุนนาค เจ้าหน้าที่ปกครอง 4 มีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมประจำที่ว่าการเขตบางกอกใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำการจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.3 เบิกความว่าทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย ล.3 เป็นเอกสารที่ถูกต้องโดยที่ว่าการเขตบางกอกใหญ่เป็นผู้รับรองว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องด้านหลังของเรือโทประพันธ์ โหประพัฒน์ สามีของเรือโทหญิงอำไพวงศ์ อยู่ด้วย โดยผู้บันทึกเป็นเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการเขตบางกอกใหญ่บันทึก ว่าเรือโทประพันธ์ โหประพัฒน์ คู่สมรสมาให้ความยินยอมในด้านหลัง ค.ร.13 แล้ว เพราะก่อนที่เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการเขตบางกอกใหญ่จะบันทึกด้านหลังของเอกสารหมาย ล.3ดังกล่าวนั้นจะต้องมีคำร้องให้ความยินยอมของคู่สมรสก่อน แล้วเจ้าหน้าที่จึงบันทึกลงไป และคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนและใบสำคัญการสมรสมาด้วยเพื่อให้นายทะเบียนตรวจสอบ เหตุด้านหลังของที่บันทึกการให้ความยินยอมของคู่สมรสเอกสารหมาย ล.3 ไม่มีลายมือชื่อของคู่สมรสผู้ให้ความยินยอมด้วยเนื่องจากในทางปฏิบัติคู่สมรสจะให้ความยินยอมในเอกสารอีกฉบับหนึ่งเห็นว่านอกจากโจทก์ยอมรับว่าทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมายจ.3 หรือ ล.3 เป็นเอกสารราชการแล้ว นางวันทนาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมยังยืนยันว่าทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.3เป็นเอกสารที่ถูกต้อง เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารมหาชนเมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าเป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์อย่างไร ต้องถือว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องสมบูรณ์ รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ กรณีฟังได้ว่าโจทก์ได้ให้ความยินยอมในการที่นาวาตรีหญิงอำไพวงศ์ โหประพัฒน์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม ตามทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.3 หรือ ล.3 แล้ว
พิพากษายืน