แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีกรรมการ 2 คน เมื่อกรรมการคนหนึ่งถึงแก่กรรม จึงเป็นกรณีที่จำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1159 กรรมการที่เหลือเพียงคนเดียวต้องเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องจำนวนกรรมการที่ไม่ครบองค์ประชุมเสียก่อน มิใช่ว่าจะนัดเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเรื่องอื่น ๆ โดยมิได้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเรื่องอื่นตามคำร้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5)
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ของผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2554
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง ให้ผู้ร้องทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้าน โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2554 ของผู้คัดค้าน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นบริษัทจำกัด มีนายสรรค์วิช และนางวิมลมาศ เป็นกรรมการบริษัท โดยมีนายสรรค์วิชหรือนางวิมลมาศคนใดคนหนึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันผู้คัดค้าน มีผู้ถือหุ้น 7 คน ได้แก่ผู้ร้องทั้งสาม นายสรรค์วิช เด็กชาย ธ. ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ของนายสรรค์วิช นางวิมลมาศ และนายเกียรติศักดิ์ ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและสำเนาหนังสือรับรอง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2546 นางวิมลมาศถึงแก่ความตาย ตามแบบรับรองรายการทะเบียนคนตาย หลังจากนั้นไม่มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขกรรมการและอำนาจกรรมการ นายสรรค์วิชมีหนังสือลงวันที่ 13 มกราคม 2554 เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ในวันที่ 29 มกราคม 2554 เพื่อพิจารณารับรองรายงานการประชุมกรรมการฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 และพิจารณาเรื่องการโอนสิทธิการเช่า ตามหนังสือเชิญประชุม ในวันประชุมมีผู้เข้าประชุม คือ ผู้ร้องที่ 1 และในฐานะผู้รับมอบฉันทะผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 นายสรรค์วิชในฐานะบิดาของนายธีรวิช และนายเกียรติศักดิ์ นายสรรค์วิชเสนอให้มีการลงคะแนนเสียงด้วยมติลับ ผู้ร้องที่ 1 เสนอให้ลงคะแนนเสียงด้วยการยกมือ ที่ประชุมมีมติให้ลงคะแนนลับทุกมติ โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากรับรองรายงานการประชุมกรรมการฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 และมีมติเสียงข้างมากรับรองการโอนสิทธิการเช่า ตามสำเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
ก่อนจะพิจารณาฎีกาของผู้คัดค้าน เห็นสมควรวินิจฉัยก่อนว่ากรรมการบริษัทมีอำนาจเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2554 เพื่อปรึกษาเรื่องอื่นนอกจากการแก้ไขปัญหากรรมการบริษัทไม่ครบองค์ประชุมหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1159 ในกรณีที่มีกรรมการบริษัทหลายคน ถ้าในเวลาใดจำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลาเช่นนั้น กรรมการที่มีตัวอยู่ย่อมทำกิจการได้เฉพาะแต่ในเรื่องที่จะเพิ่มกรรมการขึ้นให้ครบจำนวน หรือนัดเรียกประชุมใหญ่ของบริษัทเท่านั้น จะทำกิจการอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อพิจารณาว่าผู้คัดค้านจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีกรรมการบริษัท 2 คน คือ นายสรรค์วิช และนางวิมลมาศ จำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีคนเข้าประชุม 2 คน มิฉะนั้นย่อมไม่เป็นการประชุม เมื่อนางวิมลมาศถึงแก่กรรมไปแล้ว เหลือแต่นายสรรค์วิชที่เป็นกรรมการบริษัทเพียงผู้เดียว จึงเป็นกรณีที่จำนวนกรรมการลดน้อยลงกว่าจำนวนอันจำเป็นที่จะเป็นองค์ประชุมได้ตลอดเวลา นายสรรค์วิชในฐานะกรรมการบริษัทย่อมจะทำกิจการอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องที่จะเพิ่มกรรมการขึ้นให้ครบจำนวนหรือนัดเรียกประชุมใหญ่ของบริษัทเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องจำนวนกรรมการบริษัทที่ไม่ครบองค์ประชุม มิใช่ว่าจะนัดเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาในเรื่องอื่น ๆ โดยที่มิได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวให้เรียบร้อยเสียก่อน นายสรรค์วิชในฐานะกรรมการบริษัทจึงไม่มีอำนาจเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2554 เพื่อปรึกษาเรื่องอื่น ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยเอง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ