คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรณีที่ศาลจะยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตาม กำหนดนัดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 จะต้อง เป็นกรณีที่มีการ ไต่สวนมูลฟ้องหรือการพิจารณาคดีและศาลได้ กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้อง หรือนัดพิจารณาคดีไว้ ต่อเมื่อโจทก์ได้ ทราบกำหนดนัดนั้นแล้ว ไม่มาศาล ศาลจึงพิพากษายกฟ้องเสียได้ โจทก์ฟ้องจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 66 ศาลชั้นต้นเบิกตัว จำเลยซึ่ง ถูก คุมขังมาพิจารณาในวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษอย่างต่ำ จำคุกตั้งแต่ ห้าปีขึ้นไป ซึ่ง ศาลจะต้อง ฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้ กระทำผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176แต่ ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยานโดย ที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้น ซึ่ง แม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้นคดีก็ไม่อาจสืบพยานได้ เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไปแล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่ โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียวจึงเป็นการไม่ชอบด้วย กระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยป.วิ.อ. มาตรา 166,181 และแม้จะถือ ว่าโจทก์ทราบกำหนดนัดแล้วเพราะในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีข้อความระบุว่า รอฟังคำสั่งอยู่ถ้า ไม่รอให้ถือ ว่าทราบแล้วก็ยังไม่เป็นเหตุให้พิพากษายกฟ้องทันที.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 66, 67, 102 ริบของกลาง
ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้น จำเลยรับสำเนาคำฟ้องแล้วให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ศาลอ่านฟ้องอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและเข้าใจแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพไม่ต้องการทนายความ คู่ความไม่สืบพยาน ให้รอฟังคำพิพากษาวันนี้แล้วศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในวันดังกล่าวโดยโจทก์ไม่ทราบ และไม่ได้ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณา โดยพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,15, 66, 67, 102 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 1 ปีของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยาน โจทก์แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มาศาลในขณะพิจารณาคดีศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 ประกอบมาตรา 181 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ศาลชั้นต้นเบิกตัวจำเลยซึ่งถูกคุมขังมาพิจารณาในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องโดยไม่กำหนดนัดโจทก์จำเลยมาอยู่ต่อหน้าศาลเสียก่อน และโจทก์ไม่ทราบกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นทำไปเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ จะยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172, 181 ประกอบด้วยมาตรา166 ไม่ได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่ากรณีที่ศาลจะยกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีการไต่สวนมูลฟ้องหรือการพิจารณาคดี และศาลได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือนัดพิจารณาคดีไว้ ต่อเมื่อโจทก์ได้ทราบกำหนดนัดนั้นแล้วไม่มาศาล ศาลจึงพิพากษายกฟ้องเสียได้ คดีนี้ศาลชั้นต้นหาได้กำหนดนัดเพื่อพิจารณาคดีและแจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ทั้งที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66นั้นมีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ซึ่งศาลจะต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 แต่ศาลชั้นต้นกลับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าคู่ความไม่สืบพยาน โดยที่โจทก์ไม่ได้อยู่ในศาลขณะนั้น ซึ่งแม้โจทก์จะมาศาลในวันนั้น คดีก็ไม่อาจสืบพยานได้เพราะไม่ใช่วันนัดสืบพยาน กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนการพิจารณาคดีไป แล้วนัดสืบพยานโจทก์ในภายหลัง การที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาไปในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องเสียทีเดียว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166, 181 แม้จะถือว่าโจทก์ทราบกำหนดนัดแล้วเพราะในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีข้อความระบุว่ารอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ก็ยังไม่เป็นเหตุให้พิพากษายกฟ้องทันที…”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดพิจารณาใหม่ แล้วดำเนินการต่อไป.

Share