คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง, 83 จำคุกคนละ 20 ปี จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวในการปล้นทรัพย์ จึงให้เพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่งตาม มาตรา 340 ตรี เป็นจำคุกคนละ 30 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยที่ มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติให้ต้องรับโทษหนักขึ้นมิใช่บทเพิ่มโทษ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี และมาตรา 83 ป.ว. ฉบับที่ 11 ข้อ 14 และ 15 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 30 ปี

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2, 83 ให้จำคุกคนละ 20 ปีเนื่องจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 6 มีอาวุธปืนติดตัวไปในการปล้นทรัพย์ จึงให้เพิ่มโทษจำเลยอีกคนละกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี รวมแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 6 คนละ 30 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 6 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “อนึ่งที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2, 83 ให้จำคุก 20 ปี เนื่องจากจำเลยที่ 6 มีอาวุธปืนติดตัวไปในการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายรายนี้ จึงให้เพิ่มโทษจำเลยอีกกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี รวมแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 6 รวม 30 ปีนั้น เห็นว่าการปรับบทกฎหมายลงโทษจำเลยยังไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 340 ตรี เป็นเพียงบทบัญญัติที่ทำให้จำเลยที่ 6ผู้กระทำผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 340 วรรค 2 รับโทษหนักขึ้นเท่านั้นมิใช่บทบัญญัติที่ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 6 ผู้กระทำความผิด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องและตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรีและ 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514ข้อ 14 และ 15 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 30 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share