คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้หนังสือสัญญาเช่าที่ดินจะมีข้อความห้ามเช่าช่วงเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นลายลักษณ์อักษรก็ดี แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้เช่ายินยอมให้ผู้เช่าให้เช่าช่วงปลูกห้องแถวให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยย่อมแสดงเจตนาของผู้ให้เช่าว่าได้สละข้อห้ามในสัญญานั้นแล้ว ผู้เช่าห้องแถวอยู่อาศัยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คดีที่คู่ความฎีกาในข้อกฎหมายเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในประเด็นก็มีอำนาจให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้สืบพยานแล้วสั่งใหม่ตามรูปคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่า อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาให้ผู้อื่นเช่าช่วง สัญญาครบอายุ โจทก์ขอเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมว่าจำเลยจะรื้อเรือนห้องแถวออกจากที่พิพาท

ชั้นบังคับคดีโจทก์ร้องว่า ผู้ร้องทั้ง 4 เช่าโรงเรือนที่ปลูกในที่พิพาทจึงเป็นบริวารจำเลย จึงขอให้บังคับให้ออก ผู้ร้องแถลงว่าไม่ใช่บริวารจำเลย โจทก์ยินยอมให้จำเลยให้นางอนงค์เช่าช่วงที่ดินรายนี้ นางอนงค์ปลูกห้องแถวให้ผู้ร้องเช่าเพื่ออยู่อาศัยแต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ

ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยจึงให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษา

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถ้าความจริงเป็นดังผู้ร้องแถลงแล้วจะฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยไม่ได้ แม้สัญญาเช่าหรือเช่าช่วงตลอดจนความยินยอมของผู้ให้เช่าจะมิได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรก็ดี ก็ยังหาเป็นผลเสียไปเสียเลยไม่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องอ้าง จึงให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้สืบพยานแล้วสั่งตามรูปความต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าห้องแถวที่ผู้ร้องเช่าอยู่นี้เป็นห้องแถวของนางอนงค์ ไม่ใช่ของจำเลย ผู้ร้องเข้าอยู่โดยอำนาจที่เป็นผู้เช่าจากนางอนงค์ แต่โจทก์มิได้ฟ้องร้องว่ากล่าวกับนางอนงค์ผู้เช่าช่วง ซึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะว่ากล่าวกับผู้เช่าช่วงได้ดุจกันโจทก์อาจยินยอมให้จำเลยให้นางอนงค์เช่าช่วงและยินยอมให้นางอนงค์ปลูกห้องแถวให้ผู้ร้องเช่า ถ้าปรากฏความจริงดังที่ผู้ร้องแถลงมาแม้ตามสัญญาจะปรากฏว่ามิให้ผู้เช่าให้ผู้อื่นเช่าช่วงเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรดังโจทก์ฎีกาคัดค้านมาก็ดี ถ้าผู้ให้เช่ายินยอมอนุญาตโดยตรงหรือโดยปริยายให้ผู้เช่าให้เช่าช่วงต่อไปได้ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าได้สละข้อห้ามที่ปรากฏในสัญญานั้นแล้ว สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป จึงพิพากษายืน

Share