คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินบางส่วนแปลงที่ผู้ร้อง ร้องขอให้ศาลแสดงว่าเป็นของผู้ร้องและได้แถลงต่อศาลว่า ถ้าผู้ร้องตกลงยอมให้ที่ดินกับผู้ค้านตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำคัดค้านแล้ว ผู้ค้านก็ไม่ติดใจคัดค้านอะไรอีก ผู้ร้องตกลงยอม ศาลจึงพิพากษาให้ที่ตามบัญชีท้ายคำคัดค้านเป็นของผู้ค้าน ส่วนที่เหลือจากนั้น ให้เป็นของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ค้านจะอ้างว่าคัดรายการเนื้อที่ในคำคัดค้านผิดไปจากความจริง ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์,ฎีกา ให้ศาลตัดสินให้ถูกต้องตามเนื้อที่ที่เป็นเป็นจริงไม่ได้.

ย่อยาว

คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งตั้งนายสมาน ไทยพิทักษ์เป็นผู้จัดการมฤดกของนางหะลีเยาะผู้มรณะซึ่งเป็นมารดผู้ร้องทั้งสอง และขอให้แสดงว่า ที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายคำร้องภายในเส้นสีแดงเป็นของผู้ร้อง
มีผู้คัดค้านในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ร้อง ๒ ราย ๆ แรกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำคัดค้านฟังไม่ได้ จึงยกคำร้องคัดค้านคดีถึงที่สุดแล้ว
ฉะเพาะผู้คัดค้านรายที่ ๒ คัดค้านว่า ที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายคำร้องนั้น มีที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนายตังกุนสามีผู้ค้านซึ่งตายไปแล้ว และผู้ค้านเป็นผู้จัดการมฤดกอยู่ ๒ แปลงปรากฏตามบัญชีท้านคำร้องคัดค้าน
ศาลชั้นต้นทำการพิจารณา ผู้คัดค้านรายที่ ๒ แถลงต่อศาลว่าถ้าผู้ร้องยอมให้ที่ดินกับผู้ค้านตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องคัดค้านแล้ว ผู้ค้านที่ ๒ ก็ไม่ติดใจค้านอะไรยิ่งกว่านั้น ศาลสอบถามผู้ร้อง ๆ แถลงว่า ถ้าผู้ค้านจะต้องการที่ดินเท่าที่ปรากฏตามสัญญาซื้อขายซึ่งคัดเสนอมาตามบัญชีทรัพย์ท้านคำร้องคัดค้าน แล้วผู้ร้องก็ยอม
ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาว่า ให้ที่ทั้งสองแปลงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ค้านที่ ๒ เหลือที่ดินนอกสัญญาซื้อขาย ให้เป็นกรรมสิทธิ์กับผู้ร้องต่อไป
ผู้ค้านที่ ๒ อุทธรณ์ว่า ตามที่ร้องคัดค้านได้คัดรายการเนื้อที่ในหนังสือสัญญาเท่านั้น ไม่ได้ดูเนื้อที่ที่มีอยู่ตามแผนที่ ซึ่งมีเนื้อที่ถูกต้อง จึงเป็นการผิดไป เป็นการแสดงเจตนาด้วยสำคัญผิด ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ที่ดินทั้งหมดเป็นของผู้ค้านที่ ๒
ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์ของผู้ค้านที่ ๒
ผู้ค้านที่ ๒ ฎีกา, ศาลฎีกาเห็นว่า ในคำร้องคัดค้านและในคำแถลงต่อศาล ผู้ค้านที่ ๒ ได้ตั้งประเด็นพิพากษามาฉะเพาะเนื้อที่ส่วนหนึ่งตามบัญชีท้านคำร้องคำคัดค้านเท่านั้น เมื่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งแถลงยอมตามนั้นแล้ว กรณีของผู้ค้านที่ ๒ ก็ไม่มีอะไรจะต้องวินิจฉัยอีกการที่จะอ้างข้อความผิดพลาดของตนในคำร้องคัดค้านและคำแถลงต่อศาลมาเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกานั้น ไม่เป็นข้อที่จะอุทธรณ์,ฎีกาได้ จึงให้ยกฎีกาของผู้ค้านที่ ๒ เสีย.

Share