คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและชอบ ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไป แต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือของวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองดูแลทรัพย์สินอันเป็นสาธารณประโยชน์ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๖ จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ฐ๒๓๓๓ ชนเสาไฟฟ้าสาธารณะ เลขที่ ๙๙ ถนนพระโขนง ลาดพร้าว อันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เสียหาย ๑๐,๐๐๐ บาท เจ้าหน้าที่ของโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวแล้วตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ จำเลยมีหนังสือรับสภาพหนี้ลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๑๗ มายังโจทก์ว่า ตามที่แจ้งให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๐,๐๐๐ บาทนั้น รถยนต์ของจำเลยเอาประกันไว้กับบริษัทสหวัฒนาประกันภัย จำกัด ให้โจทก์ติดต่อกับบริษัทนั้นโดยตรง หากขัดข้องประการใด ขอให้แจ้งให้จำเลยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยต่อไป ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ทนายโจทก์ได้ทวงถามแล้ว ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๑๗ จนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ทรัพย์รายพิพาทเป็นของการไฟฟ้านครหลวงมิใช่เป็นของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีของโจทก์ขาดอายุความ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้และมิได้ทำกับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธินำเอกสารนี้มาฟ้องจำเลย ฯลฯ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๑๗ จนกว่าชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๑๗ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ๑.โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ๒.เอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒ ไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ และ ๓. คดีโจทก์ขาดอายุความ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๖ จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหายคิดเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยมีหนังสือเอกสารหมาย จ.๔ ไปยังการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งโจทก์มอบให้ดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและซอย ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน ตามเอกสารหมาย จ.๖, จ.๗
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาจำเลยข้อ ๑ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า จำเลยทำให้เสาและโคมไฟฟ้านั้นเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
ฎีกาจำเลยข้อ ๒ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ เป็นสำเนาเอกสารหมาย จ.๔ ข้อความในเอกสารหมาย จ.๔ นี้ จำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงไปตามเอกสารหมาย จ.๓ แต่อย่างไร ทั้งบอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อบริษัทสหวัฒนาประกันภัย จำกัด ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ถือได้ว่าจำเลยยอมรับเป็นหนี้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวในเอกสารหมาย จ.๓ เอกสารหมาย จ.๔ หรือเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒ เป็นหนังสือรับสภาหนี้ของจำเลย
ฎีกาจำเลยข้อ ๓ จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๖ จำเลยทำหนังสือลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๑๗ รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๘ ยังอยู่ในอายุความ ๑ ปี ดังนั้น คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
พิพากษายืน

Share