คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้อ้างว่าลูกหนี้เป็นหนี้อยู่ 20,000 บาท เป็นค่ายืมโดยจ่ายเช็คไว้ให้มีเช็คเป็นหลักฐานดังนี้แม้เช็คไม่เป็นหลักฐานที่จะใช้บังคับคดีในทางกู้ยืมเงิน แต่เช็คก็เป็นมูลหนี้ประการหนึ่ง ซึ่งคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวเป็นคำขอรับชำระหนี้โดยอาศัยเช็คเป็นมูลหนี้รวมอยู่ด้วย ไม่ใช่เป็นแต่เพียงคำขอชำระหนี้ โดยอาศัยการกู้ยืมเป็นมูลหนี้อย่างเดียว เจ้าหนี้จึงมีสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้ได้

ย่อยาว

ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด นางบัวศรีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้นายอุ้ยเขี่ยมเจ้าหนี้คัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในฐานเป็นเงินค่ายืมตามเช็คมิได้ขอรับชำระหนี้ โดยอาศัยเช็คเป็นมูลหนี้ ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องกู้ยืมเงินกันแต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือนอกจากเช็ค ซึ่งไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเจ้าหนี้จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94 ควรยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นสั่งเห็นชอบตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

นางบัวศรีผู้ขอรับชำระหนี้ อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้เช็คมิใช่หลักฐานการกู้ยืมเงินก็จริงแต่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในอายุความ 1 ปี จึงมีสิทธิรับชำระหนี้ในฐานผู้ทรงเช็คได้ การกู้ยืมเป็นแต่มูลเหตุให้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้เท่านั้น พิพากษากลับ ให้นางบัวศรีเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามขอ

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำขอรับชำระหนี้ของนางบัวศรีเจ้าหนี้อ้างว่าลูกหนี้เป็นหนี้อยู่ 20,000 บาท เป็นค่ายืมโดยจ่ายเช็คให้ไว้ มีเช็คเป็นหลักฐานดังนี้ แม้เช็คไม่เป็นหลักฐานที่จะใช้บังคับคดีในทางกู้ยืมเงิน แต่เช็คก็เป็นมูลหนี้ประการหนึ่ง ซึ่งคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าว เป็นคำขอรับชำระหนี้โดยอาศัยเช็คเป็นมูลหนี้รวมอยู่ด้วยไม่ใช่เป็นแต่เพียงคำขอรับชำระหนี้ โดยอาศัยการกู้ยืมเป็นมูลหนี้แต่อย่างเดียว

พิพากษายืน ยกฎีกาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

Share