คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9439/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น อุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 168 จึงต้องห้าม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระหนี้ ๓,๔๕๔,๘๓๙.๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๘ ต่อปีในเงินต้น ๓,๒๘๗,๔๓๗.๓๓ บาท และดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในเงินต้น ๔๑๕ บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน เดือนละไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท ภายในวันที่ ๓๐ ของเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน๒๕๓๗ เป็นต้นไป ทั้งนี้จะต้องชำระให้แล้วเสร็จภายในกำหนด ๑๒ เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความอีก๒๐,๐๐๐ บาท ภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๗ หากผิดนัดข้อใดข้อหนึ่งหรืองวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์บังคับจำนองได้ทันที หากได้เงินไม่พอชำระยอมให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นจนกว่าจะครบ ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส.๓ เลขที่ ๑๖๔ และ น.ส.๓ เลขที่๑๖๗ ซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๙ ได้ราคาทั้งสิ้น ๗,๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยนายถาวร ทองเถาว์ เป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้
จำเลยยื่นคำร้อง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยยื่นคำร้องเพื่อประวิงคดี ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เข้าสู้ราคาเพื่อตนเอง ไม่ได้เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ และไม่ได้สมคบกับผู้เข้าสู้ราคาอื่นกดราคาเพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ราคาที่ขายเป็นราคาสมควรและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้แล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ทราบมาก่อนว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไปแล้ว เพราะทนายจำเลยไม่ได้แจ้งให้ทราบ จำเลยเพิ่งทราบเนื่องจากได้รับหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ หากจำเลยทราบตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้าน แต่กำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ได้ล่วงพ้นไปแล้วจึงขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ และยื่นอุทธรณ์ไปอีก ๑๕ วัน
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่และพ้นกำหนดที่จะขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จึงให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์
ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์ขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ซื้อทรัพย์ โดยกำหนดค่าทนายความในอัตราขั้นสูง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ไต่สวนคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน และให้ยกอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้ผู้ซื้อทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ว่าการที่ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ซื้อทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๘หรือไม่ ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกาว่า การที่ศาลล่างทั้งสองมิได้กำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ซื้อทรัพย์มิต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๑๖๘ เพราะกฎหมายดังกล่าวห้ามไว้จริงแต่มีข้อยกเว้นไว้ว่า “เว้นแต่อุทธรณ์หรือฎีกานั้นจะได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย”การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไม่ได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลยใช้แทนผู้ซื้อทรัพย์ ก็เท่ากับว่าผู้ซื้อทรัพย์ยกเหตุว่าศาลมิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องจึงเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไม่รับวินิจฉัยให้จึงไม่ชอบนั้นเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๘ บัญญัติว่า “ในกรณีที่คู่ความอาจอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลได้นั้น ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์หรือฎีกาในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่อย่างเดียว เว้นแต่อุทธรณ์หรือฎีกานั้นจะได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียมนั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย” คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๑ วรรคหนึ่ง และผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น เมื่ออุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นดังกล่าวจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๘ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไม่รับวินิจฉัยให้ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share