คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9430/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. ทำขึ้น ณ ที่ทำการของจำเลยซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพล แม้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจ้างให้แก่โจทก์ โจทก์ก็เป็นเพียงผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. ในอันที่จะบังคับชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมจากจำเลยแทนห้างหุ้นส่วนจำกัด ว. เมื่อสัญญาที่เป็นมูลหนี้ให้เกิดการโอนสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้น ณ ที่ทำการของจำเลย และจำเลยปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามสัญญาจ้างให้แก่โจทก์ มูลเหตุซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจึงเกิดขึ้น ณ ที่ทำการของจำเลย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 278,850 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 264,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 256,500 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (18 สิงหาคม 2547) ให้ไม่เกิน 9 เดือน ตามขอกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยอายุความ คืนค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นนี้ให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 512/5 – 6 หมู่ที่ 6 ถนนมะลิวัลย์ ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2546 จำเลยว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด วิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้าง ให้สร้างถนนและรางระบายน้ำ รวมเป็นเงิน 264,000 บาท โดยทำสัญญาว่าจ้างเลขที่ 12/2546, 13/2546 และ 14/2546 รวม 3 ฉบับ ณ ที่ทำการของจำเลย ตำบลลอมคอม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ต่อมาวันที่ 20 พฤษภาคม 2546 ห้างหุ้นส่วนจำกัด วิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้างทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้างทั้งสามฉบับดังกล่าวให้แก่โจทก์ ตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง และโจทก์กับห้างหุ้นส่วนจำกัดวิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้างมีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องค่าก่อสร้างให้จำเลยทราบแล้ว เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดวิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้าง ได้สร้างถนนและรางระบายน้ำแล้วเสร็จ โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอรับเงินค่าก่อสร้าง แต่จำเลยปฏิเสธ อ้างว่าได้จ่ายเงินค่าก่อสร้างให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด วิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้างไปแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องทำที่สำนักงานโจทก์และเป็นสถานที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานโจทก์อยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) บัญญัติว่า คำฟ้อง ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ เมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้องกล่าวอ้างว่ามูลคดีเกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลชั้นต้น จึงมีปัญหาว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลใด เมื่อพิจารณาจากสัญญาจ้างทั้งสามฉบับที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัด วิบูลย์วิศวกรรมก่อสร้าง ระบุว่าทำ ณ ที่ทำการของจำเลย ที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพล แม้ห้างฯดังกล่าวทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้างทั้งสามฉบับให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็เป็นเพียงผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องของห้างฯ ดังกล่าวในอันที่จะบังคับชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมจากจำเลยแทนห้างฯดังกล่าว เมื่อสัญญาที่เป็นมูลหนี้ให้เกิดการโอนสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้น ณ ที่ทำการของจำเลย และจำเลยปฏิเสธไม่จ่ายเงินค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ จึงถือว่า มูลเหตุซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง เกิดขึ้น ณ ที่ทำการของจำเลย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพล โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share