คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุที่เกิดความเสียหายเนื่องจากคลื่นของเรืออื่นในลำแม่น้ำมาปะทะเรือฉลอมของจำเลยที่บรรทุกสินค้าและจอดอยู่ที่ท่าเรือ เรือฉลอมกระแทกกับท่า ทำให้สินค้าที่บรรทุกบางส่วนเคลื่อนตกลงไปในแม่น้ำนั้น เป็นผลพิบัติที่อาจป้องกันได้ ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควร ไม่ใช่เป็นเหตุที่ไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ ฉะนั้น จึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยบรรทุกสินค้าเกินกว่าเก๋งท้ายเรือหรือหลังคาเรืออันเป็นการผิดระเบียบของกรมเจ้าท่า ถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว และเนื่องจากจำเลยมีอาชีพรับขนส่ง ย่อมมีหน้าที่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าปกติสามัญชน แต่กลับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพอันควรต้องพึงปฏิบัติเสีย กล่าวคือ เมื่อบรรทุกสินค้าลงเรือเสร็จแล้ว ส. ผู้ควบคุมเรือของจำเลยกับลูกเรืออีก 3 คนขึ้นไปบนท่าหมด ไม่มีคนอยู่ในเรือที่จะคอยระมัดระวังป้องกันภัยอันตรายอันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติต้องมีคนงานคอยระวังอยู่ เพราะอาจมีคลื่นแรงมาซึ่งแล้วก็มีคลื่นแรงมาจริง ๆ และปะทะเรือฉลอมทำให้เรือฉลอมกระแทกกับท่าเป็นเหตุให้สินค้าที่บรรทุกอยู่ในเรือฉลอมที่บรรทุกอยู่สูงตกลงไปในแม่น้ำเสียหาย ส. กับลูกเรือไม่สามารถจะเข้าไปช่วยประคองเรือเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ได้ เพราะเกรงว่ากระสอบสินค้าที่ เคลื่อนหล่นลงมาจะทับเอาตามพฤติการณ์ถือว่าเป็นความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย จำเลยต้องรับผิด
เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยการขนส่งสินค้าไว้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปแล้วโจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยในฐานะผู้รับขนชำระเงินจำนวนที่ได้จ่ายไปแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับทำการลำเลียงขนสินค้าต่าง ๆ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปขึ้นเรือเดินทะเล แต่ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังได้บรรทุกเกินกว่าที่เรือจะรับน้ำหนักได้และเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรือเอียง ทำให้สินค้าเสียหายและห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ได้เสียค่ากรรมกรขนสินค้ารวมเป็นค่าเสียหาย 118,743.60 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยการขนส่งได้ใช้เงินให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิ จำเลยไม่ใช้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าไม่ได้ประมาทเลินเล่อ แต่เนื่องจากเหตุสุดวิสัยแม้จำเลยประมาทเลินเล่อ จำเลยไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์มีสัญญาเป็นพิเศษว่า หากเกิดอุบัติเหตุมิใช่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้รับจ้างหรือจำเลยแล้ว ผู้รับจ้างหรือจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวนตามฟ้องให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุที่เกิดความเสียหายเนื่องจากคลื่นของเรืออื่นในลำแม่น้ำปะทะเรือฉลอมของจำเลยที่บรรทุกสินค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์เสร็จแล้วกำลังจอดอยู่ที่ท่าเรือเอเซียติ๊ก เรือฉลอมของจำเลยกระแทกกับท่า ทำให้สินค้าที่บรรทุกบางส่วนเคลื่อนตกลงไปในแม่น้ำนั้น เป็นผลพิบัติที่อาจป้องกันได้ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควร ไม่ใช่เป็นเหตุที่ไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ ฉะนั้น จึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย ในข้อที่ว่า เป็นความเสียหายที่เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยหรือไม่นั้น คดีฟังได้ว่าจำเลยได้ทำการบรรทุกสินค้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์เกินกว่าเก๋งท้ายเรือหรือหลังคาเรืออันเป็นการผิดระเบียบของกรมเจ้าท่าศาลฎีกาเห็นว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว โดยเฉพาะกรณีนี้จำเลยมีอาชีพรับขนส่ง ย่อมมีหน้าที่ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าปกติสามัญชนแต่กลับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในอาชีพอันควรต้องพึงปฏิบัติเสียเพราะเมื่อบรรทุกสินค้าลงเรือฉลอมเสร็จแล้วนายสง่าผู้ควบคุมเรือของจำเลยกับลูกเรือขึ้นไปบนท่าหมด ไม่มีคนอยู่ในเรือที่จะคอยระมัดระวังป้องกันภัยอันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ ทั้งจำเลยก็รับว่าเรือที่ยังไม่ออกจากท่าปกติต้องมีคนงานคอยระวังอยู่ เพราะอาจมีคลื่นแรงมา ซึ่งแล้วก็มีคลื่นแรงมาจริง ๆ และปะทะเรือฉลอม ทำให้เรือฉลอมกระแทกกับท่าเรือ เป็นเหตุให้สินค้าที่บรรทุกอยู่ในเรือที่บรรทุกอยู่สูงตกลงไปในแม่น้ำเสียหาย โดยนายสง่ากับลูกเรือไม่สามารถจะเข้าไปช่วยประคองเรือเพื่อป้องกันความเสียหายไว้ได้ เพราะเกรงว่ากระสอบสินค้าที่เคลื่อนหล่นลงมาจะทับเอา ตามพฤติการณ์เช่นนี้ต้องถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย จำเลยต้องรับผิด

เกี่ยวกับจำนวนค่าสินไหมทดแทน ศาลฎีกาฟังว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นจริงตามจำนวนที่ฟ้อง เมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญโภคภัณฑ์ไปเสร็จแล้ว โจทก์ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินจำนวนที่ได้จ่ายไปแก่โจทก์ได้ ทั้งได้แจ้งให้จำเลยชำระแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่รับผิด

Share