คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลย 3 คนยืนฟังหมอรำอยู่ด้วยกันคนหนึ่งใช้สากตีศรีษะผู้เสียหายที่เดินผ่านมาแล้ววิ่งหนีไป อีก 2 คนวิ่งไปด้วยยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ไม่ได้ลงมือตีเป็นตัวการในการทำร้ายร่างกายด้วย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2496 เวลากลางคืนจำเลยสมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายนายทองใบ อนันต์ มีบาดเจ็บเหตุเกิดตำบลเมืองเพียอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ให้การปฏิเสธต่อสู้อ้างฐานที่อยู่

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้ง 3 คนยืนฟังหมอรำอยู่ด้วยกัน แล้วนายทองใบกับพวกเดินผ่านมา จำเลยที่ 1 ได้ใช้สากตีศีรษะนายทองใบแล้ววิ่งหนีไปทางทิศเหนือ จำเลยที่ 2-3 ก็วิ่งไปกับจำเลยที่ 1 ด้วยศาลชั้นต้นเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2-3 วิ่งหนีร่วมไปกับจำเลยที่ 1 ในทางเดียวกันนี้ กรรมย่อมชี้ว่าจำเลยที่ 2-3 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 ในการทำผิดด้วย เพราะถ้าไม่ร่วมด้วยมาแต่ต้นหรือในขณะเกิดเหตุแล้วคงไม่วิ่งหนีไปด้วยกันจึงพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 63 ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 เพราะรับสารภาพเสียกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 หกเดือน

จำเลยที่ 2-3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เพียงแต่จำเลย 2-3 วิ่งหนีไปกับจำเลยที่ 1 เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วนั้นยังไม่มั่นคงพอที่จะฟังว่าจำเลยได้สมคบและร่วมรู้ในการทำผิดกับจำเลยที่ 1 จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2-3 ปล่อยจำเลยที่ 2-3 ไป

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย 2-3 ดังศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว เห็นว่าตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2-3 กับผู้เสียหายเป็นคนรู้จักกัน ไม่เคยมีสาเหตุบาดหมางกันมาก่อนเลย ในขณะจะเกิดเหตุก็มิได้มีปากเสียงอะไรกันเป็นแต่เมื่อจำเลยที่ 1ทำร้ายผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไปนั้นจำเลยที่ 2-3 ได้วิ่งไปด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความเพียงเท่านี้ คดียังไม่พอจะชี้ขาดว่าจำเลยที่ 2-3 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 ในการทำร้ายผู้เสียหายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เฉพาะจำเลยที่ 2-3 เป็นการถูกต้องแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย

Share