แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ว. บิดาโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย แต่ยังชำระราคาไม่ครบถ้วน และยังมิได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่กัน เมื่อ ว. ถึงแก่ความตาย และโจทก์ได้ฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าที่ดินที่ค้างชำระนั้นให้แก่จำเลย เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรนายวิทิต กลิ่นแก้วนพรัตน์ เมื่อปีพ.ศ. 2508 นายวิทิตซื้อที่พิพาทจากจำเลย จำเลยได้รับเงินไปแล้วและมอบ น.ส.3 กับที่พิพาทให้นายวิทิตในวันซื้อขาย ต่อมานายวิทิตและจำเลยได้ไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อทำนิติกรรมจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อใน น.ส.3 จากจำเลยมาเป็นชื่อนายวิทิต แต่ในระหว่างเวลาดังกล่าวนายวิทิตป่วยไปทำการรักษาตัวหลายแห่ง การจดทะเบียนโอนจึงไม่แล้วเสร็จ นายวิทิตได้แบ่งปันทรัพย์สินให้แก่บุตร เฉพาะที่พิพาทนายวิทิตได้ยกให้แก่โจทก์ และมอบให้โจทก์ไปติดต่อรับโอนที่พิพาทจากจำเลย โจทก์ยังไม่ได้ไปติดต่อ นายวิทิตก็ถึงแก่ความตายหลังจากนั้นโจทก์ได้ไปติดต่อขอโอนจากจำเลย จำเลยปฏิเสธ ขอให้พิพากษาว่าเป็นของนายวิทิตซึ่งตกได้แก่โจทก์ บังคับให้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากจำเลยมาเป็นชื่อโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทให้แก่นายวิทิตในราคา 9,000 บาท นายวิทิตจ่ายเงินให้แก่จำเลยเพียง 5,000 บาทคงเหลืออีก 4,000 บาท ตกลงกันว่าเมื่อนายวิทิตพร้อมจ่ายเงินที่เหลือให้แก่จำเลย จำเลยจะไปจดทะเบียนโอนให้ทันที และตกลงกันไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิกันไว้ล่วงหน้าเพราะจะต้องมีประกาศการขาย แต่ภายหลังจากยื่นคำขอดังกล่าวแล้ว นายวิทิตไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างชำระดังกล่าวให้แก่จำเลย จำเลยจึงไม่จดทะเบียนโอนให้ ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า นายวิทิตบิดาโจทก์และจำเลยเป็นพี่น้องกัน จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทตามน.ส.3 เลขที่ 21 หมู่ที่ 1 ตำบลภู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร เอกสารหมาย จ.2 ให้แก่นายวิทิตในราคา 9,000 บาท จำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่พิพาทให้แก่นายวิทิตตั้งแต่วันซื้อขาย ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2535 นายวิทิตและจำเลยได้ไปยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการสอบสวนสิทธิในที่ดินประเภทขายตามเอกสารหมาย จ.ล.1 ที่สำนักงานที่ดินอำเภอคำเขื่อนแก้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนโอนขายจนกระทั่งนายวิทิตถึงแก่ความตาย มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า นายวิทิตชำระเงินค่าที่ดินให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อเท็จจริงต่อไปแล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายวิทิตบิดาโจทก์ยังจ่ายค่าที่พิพาทให้แก่จำเลยไม่ครบถ้วนตามที่ตกลงซื้อขายกัน ดังนี้เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ และข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้นายวิทิตจริง เพียงแต่นายวิทิตยังชำระราคาที่พิพาทไม่ครบถ้วน จำเลยก็มีหน้าที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์และโจทก์ก็ต้องมีหน้าที่ชำระเงินจำนวน 4,000 บาท ที่ค้างชำระให้แก่จำเลย เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงิน 4,000 บาทให้แก่จำเลยด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.