แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือขอผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้มีข้อความในตอนท้ายว่า’ข้าพเจ้า (ระบุชื่อ) ขอรับรองการชำระเงินของ ช. (ลูกหนี้) ตามข้อความข้างต้นทุกประการ’ แล้วลงชื่อกำกับไว้ในช่อง ‘ผู้รับรอง’ท้ายข้อความดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นสัญญาค้ำประกันเพราะไม่มีข้อความที่จะให้มีความหมายไปได้ว่าเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แล้ว ตนจะยอมชำระแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายเชี่ยวเส็งออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ 7 ฉบับ โจทก์นำไปขึ้นเงิน 4 ฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาจำเลยทั้งสองมาตกลงกับโจทก์ยอมเข้าเป็นผู้ค้ำประกันรับรองการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 7 ฉบับตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง แต่แล้วจำเลยไม่ชำระให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินให้
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้หลายประการ รวมทั้งต่อสู้ว่าเอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่หนังสือค้ำประกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่านายเชี่ยวเส็งเป็นหนี้โจทก์จริง และลายเซ็นในเอกสารตามสำเนาท้ายฟ้องเป็นของจำเลยทั้งสองจริงเอกสารดังกล่าวมีใจความในตอนต้นว่านายเชี่ยวเส็งได้ออกเช็คให้และยินยอมรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์โดยขอผ่อนชำระ และโจทก์ยินยอมให้นายเชี่ยวเส็งผ่อนชำระแล้วมีช่องลงชื่อผู้ออกเช็คผู้ทรงเช็คและพยาน ต่อจากนั้นมีข้อความว่า”ข้าพเจ้านายฮ่งเต็ก แซ่ลิ้ม และนายเกียวตง แซ่จู (จำเลยทั้งสองในคดีนี้)ขอรับรองการชำระเงินของนายเชี่ยวเส็งตามข้อความข้างต้นทุกประการ ลงชื่อ ฮ่งเต็ก แซ่ลิ้ม ผู้รับรอง ลงชื่อ เกียวตง แซ่จู ผู้รับรอง” ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือดังกล่าวมีข้อความที่เกี่ยวข้องถึงจำเลยทั้งสองแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองขอรับรองการชำระเงินของนายเชี่ยวเส็งว่า นายเชี่ยวเส็งจะชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้นเองไม่มีข้อความอื่นใดอีกที่จะให้มีความหมายไปได้ว่า เมื่อนายเชี่ยวเส็งไม่ชำระหนี้แล้ว จำเลยทั้งสองจะยอมชำระแทน หนังสือนี้จึงไม่ใช่สัญญาค้ำประกัน โจทก์จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดฐานผู้ค้ำประกันไม่ได้
พิพากษายืน