คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรุงเทพมหานครจำเลยที่1ประเมินค่ารายปีของอาคารโจทก์ในส่วนที่เป็นลานจอดรถและอาคารชั้นที่5โดยได้ประเมินเท่ากับค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วซึ่งในส่วนที่เป็นลาดจอดรถนั้นจำเลยที่1เคยกำหนดค่ารายปีให้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากอาคารแม้ค่าเช่าลานจอดรถจะรวมอยู่ในค่าเช่าอาคารด้วยก็ตามเมื่อโจทก์ยอมรับว่าลานจอดรถสามารถคิดค่าเช่าได้เป็นส่วนหนึ่งเพียงแต่โจทก์คิดรวมอยู่ในค่าเช่าอาคารด้วยเท่านั้นดังนั้นจำเลยที่1ย่อมจะประเมินจำนวนเงินที่สมควรจะให้เช่าลานจอดรถได้เมื่อโจทก์ยอมชำระภาษีไปแล้วโดยมิได้ร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่เท่ากับโจทก์เห็นด้วยว่าจำเลยที่1ได้ประเมินราคาค่าเช่าอันสมควรแล้วโจทก์จึงมิอาจยกมาโต้เถียงได้อีก จำเลยที่1ประเมินค่ารายปีในส่วนเป็นอาคารชั้นล่างและชั้นที่7ถึงที่10โดยได้ประเมินเพิ่มขึ้นจากการประเมินค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วและปีก่อนหน้านั้นซึ่งตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ.2475มาตรา18การประเมินค่ารายปีจะต้องอาศัยค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วเป็นหลักในการคำนวณค่าภาษีในปีต่อมาแม้ค่ารายปีอาจจะมีค่าไม่เท่ากันแต่จำเลยที่1ก็ต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะเพิ่มค่ารายปีขึ้นจากค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วเมื่อปรากฏว่าอาคารต่างๆหลายอาคารที่ตั้งอยู่บนถนนเดียวกับอาคารของโจทก์จำเลยที่1ก็ประเมินค่ารายปีเท่ากับปีที่ล่วงมาแล้วดังนั้นการที่จำเลยที่1นำอาคารของโจทก์ไปเปรียบเทียบกับอาคารบริเวณใกล้เคียงแล้วประเมินค่ารายปีเฉพาะบางชั้นของอาคารโจทก์ให้สูงขึ้นจึงไม่มีเหตุผลอันสมควรการประเมินในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2534 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 เพื่อให้กำหนดค่ารายปีและประเมินเรียกเก็บค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจากโจทก์รวม 20 รายการ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2534 เป็นเงิน 647,265 บาท ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้แก่จำเลยไปแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 2 ขอให้พิจารณาการประเมินดังกล่าวเสียใหม่เพื่อลดหย่อนค่ารายปี จำเลยที่ 2ได้วินิจฉัยยืนตามการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ประจำปี 2534 และให้เพิกถอนใบแจ้งคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้โจทก์รวมเป็นเงิน 197,598 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตลอดจนคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ที่ให้โจทก์เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2534ถูกต้องและชอบด้วยเหตุผลแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ในส่วนอาคารโรงเรือนชั้นล่างและอาคารโรงเรือนชั้นที่ 9 โดยให้คิดค่ารายปีเพิ่มขึ้นจากปี 2533 ร้อยละ 11 ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินส่วนที่เกินจากจำนวนที่ประเมินใหม่ทั้งหมดให้โจทก์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษา ถ้าไม่คืนในกำหนดให้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันครบกำหนด3 เดือนในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การประเมินค่ารายปีของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่เป็นลานจอดรถและอาคารชั้นที่ 5 ชอบหรือไม่ เห็นว่าในส่วนนี้จำเลยที่ 1 ได้ประเมินค่ารายปีเท่ากับค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วคือปี 2533 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในส่วนที่เป็นลานจอดรถนั้น จำเลยที่ 1 เคยกำหนดค่ารายปีให้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากมาจากอาคารแล้ว แม้ค่าเช่าลานจอดรถจะรวมอยู่ในค่าเช่าอาคารด้วยแล้วตามที่โจทก์อุทธรณ์ก็เท่ากับโจทก์ยอมรับว่าลานจอดรถสามารถคิดค่าเช่าได้เป็นส่วนหนึ่งเพียงแต่โจทก์คิดรวมอยู่ในค่าเช่าอาคารด้วยเท่านั้น แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่าโจทก์คิดค่าเช่าส่วนที่เป็นลานจอดรถนี้เท่าไร จำเลยที่ 1 ย่อมจะประเมินจำนวนเงินที่สมควรจะให้เช่าลานจอดรถได้เมื่อจำเลยที่ 1ได้ประเมินจำนวนเงินที่สมควรจะให้เช่าลานจอดรถได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ประเมินค่าเช่าลานจอดรถซึ่งถือว่าเป็นค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วให้โจทก์ชำระค่าภาษี ซึ่งโจทก์ก็ยอมชำระไปแล้วโดยไม่ปรากฏว่ามีการร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ก็เท่ากับโจทก์เห็นด้วยกับจำเลยที่ 1 แล้วว่าลานจอดรถสมควรมีค่าเช่าตามที่จำเลยที่ 1 ได้ประเมินไว้เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ได้ประเมินค่าเช่าอันสมควรของอาคารชั้นที่ 5 ของปีที่ล่วงมาแล้วก็เช่นกันโจทก์มิได้ร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ จึงต้องฟังว่าค่ารายปีของลานจอดรถและอาคารชั้นที่ 5 ของปีที่ล่วงมาแล้วตามที่จำเลยที่ 1 ประเมินสมควรถูกต้องชอบธรรมแล้ว โจทก์มิอาจจะยกมาโต้เถียงได้อีกว่าค่าเช่าสำหรับลานจอดรถและอาคารชั้นที่ 5ซึ่งถือว่าเป็นค่ารายปีที่จำเลยที่ 1 ได้ประเมินไว้ในปีที่ล่วงมาแล้วมิใช่จำนวนอันสมควร เมื่อจำเลยที่ 1 ได้คำนวณค่าภาษีซึ่งโจทก์จะต้องชำระในปีต่อมาคือปี 2534 โดยอาศัยค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วเป็นหลัก ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 18 การประเมินของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยทั้งสองว่าการประเมินค่ารายปีของอาคารชั้นล่างและอาคารชั้นที่ 7 ถึง 10ชอบหรือไม่เห็นว่า อาคารที่โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2534 นี้ โจทก์ได้แสดงอาคารส่วนต่าง ๆ เช่นเดียวกับการเสียภาษีในปี 2533 และจำเลยที่ 1ได้ประเมินค่ารายปีสำหรับปี 2533 ในส่วนต่าง ๆ เท่ากับที่จำเลยที่ 1 ได้ประเมินค่ารายปีสำหรับปี 2532 แต่ในปี 2534จำเลยที่ 1 คงประเมินค่ารายปีในส่วนต่าง ๆ ของอาคารเท่ากับที่ได้ประเมินไว้ในปี 2532 และ 2533 เว้นแต่ส่วนที่เป็นอาคารชั้นล่างและอาคารชั้น 7 ถึง 10 ที่เป็นปัญหานี้ ที่จำเลยที่ 1ได้ประเมินเพิ่มขึ้นจากการประเมินปี 2532 และ 2533 ซึ่งตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 18จำเลยที่ 1 จะต้องอาศัยค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วคือปี 2533เป็นหลักในการคำนวณค่าภาษีในปีต่อมาก็คือ 2534 จริงอยู่แม้ค่ารายปีแต่ละปีอาจมีค่าไม่เท่ากัน แต่จำเลยที่ 1 ก็ต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะเพิ่มค่ารายปีขึ้นจากค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้ว อาคารต่าง ๆ หลายอาคารที่ตั้งอยู่บนถนนเดียวกันกับอาคารของโจทก์จำเลยที่ 1 ก็ประเมินค่ารายปีของปี 2534เท่ากับปี 2533 การที่จำเลยที่ 1 เปรียบเทียบอาคารของโจทก์กับอาคารธนาคารกรุงเทพ จำกัด สภาพเป็นตึกสูง 3 ชั้น อยู่บนถนนเดียวกัน ใช้เป็นสำนักงานคล้ายคลึงกัน และเปรียบเทียบกับอาคารสัณฑวัฒน์ สูง 5 ชั้น อยู่บนถนนสุรวงศ์ห่างจากอาคารโจทก์900 เมตร อาคารที่จำเลยที่ 1 นำมาเปรียบเทียบดังกล่าวมีจำนวนชั้นล่างกันกับอาคารโจทก์จำเลยที่ 1 เปรียบเทียบด้วยเหตุผลอย่างไรจึงเพิ่มค่ารายปีของอาคารโจทก์เฉพาะชั้นล่างและชั้นที่ 7 ถึง 10 เหตุใดชั้นต่าง ๆ ของอาคารโจทก์ซึ่งอยู่ในชั้นเท่าเทียมกับอาคารที่จำเลยที่ 1 นำมาเปรียบเทียบ จึงไม่ประเมินค่ารายปีเพิ่มขึ้น และอาคารที่จำเลยที่ 1 นำมาเปรียบเทียบนั้นเพิ่งสร้างเสร็จหรืออย่างไรจึงไม่ใช้เปรียบเทียบกับอาคารของโจทก์ในปี 2532 และ 2533 ซึ่งไม่มีการเพิ่มค่ารายปีของโจทก์ในทั้งสองปีที่ล่วงมานั้น การที่จำเลยที่ 1 นำอาคารของโจทก์ไปเปรียบเทียบกับอาคารดังกล่าวแล้ว ประเมินค่ารายปีเฉพาะบางชั้นของอาคารโจทก์ให้สูงขึ้น จึงไม่มีเหตุผลอันสมควรการประเมินของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้จึงไม่ชอบต้องใช้ค่ารายปีของปี 2533 เป็นหลักในการคำนวณค่าภาษีของปี 2534
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี 2534 ของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2เฉพาะอาคารโจทก์ชั้นล่างและชั้นที่ 7 ถึง 10 โดยให้ประเมินจากค่ารายปีของส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวในปี 2533 ให้จำเลยที่ 1คืนเงินส่วนที่โจทก์ชำระเกินมาจำนวน 17,257.50 บาท แก่โจทก์ภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษานี้ ถ้าไม่คืนในกำหนดดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันครบกำหนด 3 เดือน จนกว่าจะชำระเสร็จ

Share