คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 32 กำหนดให้เจ้าของเดิมหรือทายาทหรือผู้รับโอนมีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืนได้เฉพาะแต่ในกรณีที่เวนคืนมาเพื่อการสาธารณูปโภคหรือการเหมืองแร่แต่ถ้าเวนคืนมาเพื่อใช้ในกิจการของรถไฟ และที่ดินที่เวนคืนได้ตกเป็นของรถไฟโดยโดยชอบแล้ว แม้รถไฟจะมิได้เคยใช้หรือกำลังใช้ในกิจการของรถไฟ เจ้าของหรือทายาทหรือผู้รับโอนก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกทรัพย์สินนั้นคืนได้ตามมาตรา 32 นี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นภรรยานายหนุน และโจทก์ที่ 2 เป็นบุตรนายหนุน โจทก์ที่ 1 กับนายหนุนเคยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดหมายเลขต่าง ๆ รวม 5 โฉนด ซึ่งต่อมาได้ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เพื่อประโยชน์ในการสร้างทางรถไฟ ตั้งแต่เวนคืนไปเป็นเวลา 20 กว่าปี จำเลยได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เพียงบางส่วน ส่วนมากไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อย่างใดและที่ดินบางแปลงที่เคยเป็นของโจทก์ จำเลยก็นำไปทำประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์ คือให้ผู้มีชื่อเช่าปลูกเป็นอาคารพาณิชย์ โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทของนายหนุน จึงขอให้บังคับจำเลยคืนที่ดินให้โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้หลายข้อ รวมทั้งสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477ไม่มีบทบัญญัติให้ขอที่ดินคืนได้ในเมื่อมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปรากฏว่าภายในบริเวณที่ดินที่เวนคืนนี้มีที่ทำการย่านพหลโยธินและเก็บสินค้า มีโกดัง ตึกโทรคมนาคมมีถนนกับทางรถไฟ และยังมีที่ว่าง ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะมีที่ว่างอยู่บ้าง คดีก็ฟังได้ว่าจำเลยได้ดำเนินการภายในบริเวณที่ดินที่ถูกเวนคืนเป็นการถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติเวนคืนแล้ว ส่วนที่โจทก์ขอให้คืนที่ดินที่จำเลยให้ผู้มีชื่อเช่าปลูกเป็นอาคารพาณิชย์และอยู่อาศัย เป็นการผิดวัตถุประสงค์ในการเวนคืนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าบทบัญญัติมาตรา 32แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477 กำหนดให้เจ้าของเดิมมีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืนได้เฉพาะแต่ในกรณีที่เวนคืนมาเพื่อการสาธารณูปโภคหรือการเหมืองแร่ แต่ถ้าเป็นการเวนคืนมาเพื่อใช้ในกิจการของรถไฟ กรณีย่อมจะไม่ตกอยู่ในบังคับของมาตรานี้ ซึ่งได้บัญญัติยกเว้นไว้แล้วว่า “เว้นแต่จะเป็นที่ดินของรถไฟ” ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมจะต้องเป็นที่เข้าใจว่า เมื่อได้มีการเวนคืนทรัพย์สินมาเพื่อใช้ในกิจการของรถไฟ และที่ดินที่เวนคืนได้ตกเป็นของรถไฟโดยชอบแล้ว แม้รถไฟจะมิได้เคยใช้หรือกำลังใช้ในกิจการของรถไฟอันเป็นความประสงค์ในการเวนคืนเจ้าของหรือทายาทหรือผู้รับโอนก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกทรัพย์สินนั้นคืนได้ตามมาตรา 32 นี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกที่พิพาทคืนจากจำเลย

พิพากษายืน

Share