คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94-95/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถโดยประมาทหรือไม่นั้น. ศาลย่อมพิจารณาเอาจากการกระทำของจำเลยฝ่ายเดียวเป็นเครื่องวินิจฉัย. อีกฝ่ายหนึ่งจะประมาทหรือไม่ไม่สำคัญ.
ความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390. ผู้เสียหายที่จะฟ้องได้ก็คือผู้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ.
ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก เอกชนไม่เป็นผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีได้.(อ้างฎีกาที่ 1974/2497).

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลพิจารณารวมกัน คดีแรก โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยประมาทและฝ่าฝืนกฎข้อบังคับไม่หยุดรถก่อนถึงบริเวณทางแยก แล่นไปชนรถร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยเสียหายและเป็นเหตุให้ผู้ที่นั่งมาในรถของจำเลยได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29, 31, 66 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2481 ฉบับที่ 3 มาตรา 4 ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดพระนครธนบุรี พ.ศ. 2508 ลักษณะ 1 หมวด 1 ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต สำนวนหลัง นางพิมพ์เป็นโจทก์ฟ้องร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยเป็นจำเลยว่า จำเลยขับรถโดยประมาท ถึงสี่แยกไม่เบาเครื่องแล้วหักเลี้ยวเข้าไปชนรถนายอู๋ ทำให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 13, 29, และ 66 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2481ฉบับที่ 3 มาตรา 4 จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องนายอู๋ ยกฟ้องเฉพาะคดีที่ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยเป็นโจทก์ฟ้องนายอู๋ และเห็นว่าร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยและนายอู๋ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 และพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 13, 29, 31, 66 แก้ไข พ.ศ. 2481 มาตรา 4 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกคนละ 15 วัน ปรับคนละ 500 บาท จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษมาก่อนโทษจำให้รอไว้ 1 ปี ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 24, 30 นายอู๋จำเลยกับร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยทั้งในฐานะจำเลยและในฐานะโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายอู๋จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายให้รับฎีกา ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยฎีกาทั้งในฐานะจำเลยและในฐานะโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่าร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยมีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นายอู๋ฎีกาว่า ถ้าร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยไม่ขับเร็วและใช้ความระมัดระวังไม่รีบร้อนเลี้ยวรถตามเข้าไปในถนนอิสระภาพก็จะไม่มีการชนกัน ความประมาทควรตกแก่ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยผู้เดียวนั้น ในการวินิจฉัยว่านายอู๋ขับรถโดยประมาทหรือไม่นั้นศาลย่อมพิจารณาเอาจากการกระทำของนายอู๋ฝ่ายเดียวเป็นเครื่องวินิจฉัย ฝ่ายร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยจะประมาทหรือไม่ไม่สำคัญ เมื่อฟังข้อเท็จจริงที่ยุติดังที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่านายอู๋เคลื่อนรถออกไปเข้าสี่แยกด้านที่มีไฟแดงกระพริบโดยมิได้ระมัดระวังให้ดีว่ารถทางซ้ายมือของตนที่วิ่งมานั้นมีความเร็วแค่ไหน อยู่ห่างไกลเพียงใด ตนพอจะขับพ้นไปได้หรือไม่ ตามกฎหมายถือว่านายอู๋ขับรถโดยประมาท ส่วนฎีกาของร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยว่าตนมีสิทธิฟ้องนายอู๋ได้นั้นเห็นว่า ความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 ผู้เสียหายที่จะฟ้องได้ก็คือผู้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ คดีนี้ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัยไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องได้ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรที่นายอู๋ทำลงนั้น เอกชนหาใช่เป็นผู้เสียหายที่จะฟ้องได้ไม่ดังคำพิพากษาฎีกาที่ 1974/2497 พิพากษายืน.

Share