แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหน้าของผู้ตายจะต้องเรียกร้องให้ชำระหนี้จากทรัพย์มฤดกของลูกหนี้ใน 1 ปี นับแต่ลูกหนี้ตายแม้สัญญาที่ผู้ตายซึ่งเป็นลูกหนี้ทำไว้ยังไม่ทันถึงกำหนดชำระ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องได้
แม้ทายาทของผู้ตายซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์จะเอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายไปเป็นความกันอย่างไร โจทก์ก็ฟ้องทายาทให้ชำระหนี้โจทก์ได้ ส่วนที่ทายาทเอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายไปเป็นความกันนั้น ไม่มีในฟ้องและคำให้การ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า อ.ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๓๐๐๐ บาท เอาที่ดินในโฉนดเลขที่ ๑๖๗๙ ซึ่งจำนองไว้แก่โจทก์แล้วนั้นเป็นประกัน กำหนดใช้ใน ๑ ปี ในปีเดียวกับที่กู้เงินนั้น อ. ตาย โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ ๒ เป็นภริยาส่วนจำเลยที่เป็นเด็ก ๓ คนเป็นบุตรให้ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยจำเลยให้การว่า อ.ไม่ได้กู้เงินโจทก์ และสัญญายังไม่ครบกำหนด
ศาลชั้นต้นฟังว่า อ.กู้เงินโจทก์จริง นอกจากที่ดินแปลงนี้แล้ว อ. ไม่มีทรัพย์มฤดกอื่นอีก แต่ที่ดินดังกล่าวจำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ เป็นความกันและได้ยอมความกัน จำเลยที่ ๒ ยอมให้เพิกถอนชื่อ อ.ให้กลับเป็นของจำเลยที่ ๑ ตามเดิม โจทก์รู้ไม่คัดค้านที่ดินดังกล่าวไม่เป็นของ อ.อีกต่อไปจำเลยซึ่งเป็นทายาทไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า อ.กู้เงินโจทก์จริงและเห็นว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้วายชนม์ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๗๕๔ โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ อ.ตายที่ดินของ อ. ตกส่วนจำเลยที่ ๑-๒ จะเป็นคู่ความกันอย่างไร ไม่เป็นข้อวินิจฉัยในชั้นนี้ เป็นเรื่องชั้นบังคับคดี พิพากษากลับให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลล่างว่า อ. ได้กู้เงินโจทก์จริง และเจ้าหนี้ของผู้ตายจะต้องเรียกร้องให้ชำระหนี้จากทรัพย์มฤดกของลูกหนี้ในกำหนด ๑ ปี นับแต่ลูกหนี้ตาย ตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทให้เอาทรัพย์มฤดกของ อ.ชำระหนี้โจทก์ได้ ส่วนที่ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จะเอาที่ดินของ อ. ไปพิพาทและยอมความกันอย่างไร เป็นเรื่องนอกประเด็นคดีนี้
พิพากษายืน