คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9388/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งข้างต้น เท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงเป็นที่สุดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ต้องห้ามมิให้ฎีกาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยต่อมาจึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน 467,599.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.25 ต่อปี ของต้นเงิน 300,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระคืนแก่โจทก์ โดยกำหนดชำระคืนรวม 12 งวด งวดละอย่างน้อย 5,000 บาท หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับจำนองที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 1390 ตำบลสุโสะ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยแปลงดังกล่าวออกขายทอดตลาดในวันที่ 1 มีนาคม 2548 ในราคา 440,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดไปในราคาต่ำกว่าราคาท้องตลาด โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ใช้ดุลพินิจและความละเอียดรอบคอบเท่าที่ควร ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย และการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการดำเนินการไปโดยไม่สุจริตหรือด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดและให้มีการขายทอดตลาดใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินแปลงพิพาทในราคาพอสมควรแล้ว ผู้ซื้อทรัพย์เข้าประมูลซื้อทรัพย์โดยสุจริตและเปิดเผยโดยไม่มีการคบคิดกันฉ้อฉลกับโจทก์หรือผู้แทนโจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์แต่อย่างใด การที่จำเลยมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งข้างต้นเท่ากับศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีเช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จึงเป็นที่สุดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยต่อมา จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share