คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น การกระทำแต่ละคราวย่อมเกิดเป็นความผิดได้
ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2505 ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยได้ถูกฟ้องและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ต่อมาในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตอีก จำเลยจึงถูกฟ้องหาว่ากระทำผิดในครั้งหลังนี้อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยในครั้งหลังนี้เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวต่อเนื่องกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2505 ถึง 9 กรกฎาคม 2505ทั้งกลางวันและกลางคืน จำเลยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ใช้สถานที่เอกชนทำการค้าขาย ทำประกอบ ปรุงหรือสะสมอาหารหรือน้ำแข็งได้ จำเลยได้ถูกฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2505 และศาลได้พิพากษาลงโทษปรับจำเลยไปแล้ว แต่จำเลยหาได้งดเว้นการกระทำไม่ ยังคงฝ่าฝืนอยู่อีกกล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ตลอดมาจนถึง 27 ตุลาคม 2505 ทั้งกลางวันและกลางคืน จำเลยได้ใช้บ้านเรือนและสะสมอาหาร มีข้าวโพดบรรจุกระสอบ กระบุง และถั่วหลาถั่วแระ เพื่อขายให้บุคคลอื่นบริโภคโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2484 มาตรา 50, 67 เทศบัญญัติเทศบาลเมืองชุมแสงเรื่องควบคุมการค้าอาหารและน้ำแข็งในสถานที่เอกชน พ.ศ. 2487 ข้อ 4, 16

จำเลยให้การรับว่า ได้ทำการค้าขายโดยไม่มีใบอนุญาตสะสมอาหารจริง แต่ต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องซ้ำ

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยซึ่งถูกลงโทษแล้วนั้น เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันกับคดีนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ในประเด็นเรื่องฟ้องซ้ำนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่เป็นความผิดนั้น คือ ระหว่างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2505 ตลอดมาจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยอันเป็นสถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น การกระทำของจำเลยที่โจทก์ถือว่าเป็นความผิดและขอให้ลงโทษก็คือ การใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารตามวันเวลาที่กล่าวแล้วจำเลยก็ให้การรับว่า ได้ทำการค้าขายโดยไม่มีใบอนุญาตจริง การที่จำเลยถูกฟ้องและศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2505 เพราะการกระทำของจำเลยเมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2505 เป็นการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายกรรมหนึ่ง วาระหนึ่งต่างหากจากการกระทำผิดต่อกฎหมายที่จำเลยใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 การกระทำของจำเลยในครั้งหลังนี้เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวต่อเนื่องกันเพราะการใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นที่เห็นได้ว่าการกระทำแต่ละคราวย่อมเกิดเป็นความผิดได้

พิพากษายืน

Share