คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายตรวจสรรพสามิตกับพลตำรวจไม่มีอำนาจค้นจับสุราเถื่อนในเขตบ้านบุคคลโดยไม่มีหมายค้น พลตำรวจใช้ปืนกระแทกจำเลยจำเลยใช้มีดแทงป้องกันตัว ไม่เป็นความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2499 เวลากลางวัน จำเลยในคดีนี้กับพวกอีกหลายคนซึ่งยังจับตัวไม่ได้ สมคบกันมี มีด ไม้เป็นสาตราวุธทำการต่อสู้ขัดขวาง และทำร้ายร่างกาย นายอั้นสุนทรศารทูลนายตรวจสรรพสามิต กับพลตำรวจคำ พรมทันใจซึ่งทำการจับกุมสุราผิดกฎหมายตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย มิให้นำสุราของกลางและตัวผู้ต้องหามาส่งพนักงานสอบสวนตามหน้าที่ โดยจำเลยกับพวกสมคบกันใช้อาวุธดังกล่าวมา ทำร้ายนายอั้นและพลตำรวจคำโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย แต่มีเหตุอันพ้นวิสัยที่จำเลยกับพวกจะป้องกันได้มาขัดขวางเสีย จำเลยกับพวกจึงช่วยกันฆ่าเจ้าพนักงานทั้งสองไม่ได้ แต่คนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทนทุกขเวทนากล้า และไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติด้วยตนเองได้เกินกว่ายี่สิบวัน เหตุเกิดที่ตำบลห้วยบง อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี

ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119, 120,250, 60, 257

นายจันทร์ นายลาน จำเลยทั้ง 2 ให้การปฏิเสธและว่าเจ้าพนักงานเอาของผิดกฎหมายมาใส่ร้ายว่าเป็นของมารดานายจันทร์จำเลย แล้วทำร้ายจำเลยก่อน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จำเลยกระทำไปบ้างก็เพื่อป้องกันชีวิต เกียรติยศ ชื่อเสียง

นายคำจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา

ศาลจังหวัดสระบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า นายจันทร์ ได้แทงพลตำรวจคำเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ นายลานจำเลยพยานโจทก์เป็นที่สงสัย ส่วนนายคำจำเลยพยานโจทก์ ฟังไม่ได้ว่านายคำจำเลยได้กระทำผิด จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 3

ศาลอุทธรณ์ปรึกษาแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ไม่เห็นนายคำจำเลยทำร้ายผู้ใด ส่วนนายจันทร์ นายลาน จำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์เชื่อว่านายจันทร์ได้ใช้มีดแทงพลตำรวจคำและนายลานได้แทงนายอั้นพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า นายจันทร์ มีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 257 ให้จำคุกนายจันทร์ 5 ปี นายลานมีผิดตามมาตรา 254 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากนี้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

นายจันทร์ จำเลยแต่ผู้เดียวฎีกาว่าตนไม่มีผิด

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีเรื่องนี้แล้ว ทางพิจารณาข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า นายอั้นเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตพร้อมด้วยพลตำรวจคำ นายหลอดผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ อีก 2 คนไปตรวจจับสุราผิดกฎหมาย วันเกิดเหตุตอนบ่าย 14.00 น.เศษ เข้าไปในบ้านนางทองคำ มารดานายจันทร์ จำเลย ระหว่างนั้นได้บอกให้นายสังเวียนไปตามนางทองคำมา แล้วนายอั้นได้ไปตรวจดูที่ป่าช้านอกเขตบ้านนางทองคำห่างไปประมาณ 2 เส้น ได้สุราแช่ 2 ไห สุรากลั่น 4 ขวดขนเข้าไปไว้ยังพื้นที่หน้าบ้านนางทองคำ นายสังเวียนได้ให้น้องชายไปตามนายจันทร์ จำเลย บอกว่ามีคนขนสุราเข้ามาในบ้านนายจันทร์ จำเลยเพิ่งสึกจากพระเช้าวันนั้นเอง ได้มาบ้านและชวนนายลานจำเลยมาด้วย เมื่อเข้ามาถึงบริเวณบ้านนายจันทร จำเลย เห็นสุราตั้งอยู่ ขณะนี้ในบริเวณบ้านคงมี แต่นายอั้นและพลตำรวจคำคนอื่น ๆ ไปหาน้ำกินนอกบ้านพลตำรวจคำว่า นายจันทร์ จำเลย ถามว่าเหล้าเหล่านี้เอามาแต่ไหนนายอั้นว่า ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณนายจันทร์ให้เอาออกไป นายอั้นอ้างว่า จะรอพบเจ้าของบ้านก่อนนายจันทร์ถามว่า จะเอาออกหรือไม่เอาออก แล้วพลตำรวจคำเข้าร่วมการพูดด้วย เกิดโต้เถียงกัน นายจันทร์จะหยิบเอาสุราของกลางออกไป แต่ถูกห้ามไว้จึงถอย นายลานจำเลยเข้ามาแย่งบ้าง นายอั้นแย่งไว้ได้ แล้วมีคนหลายคนเข้ามาในบริเวณบ้านนั้นผลที่สุดนายอั้นถูกตีและพลตำรวจคำถูกแทงที่ท้อง 1 แผล พอดีพวกนายอั้นอีก 3 คนที่ออกไปกลับมาถึง นายหลอดยิงปืนขึ้นอีก 2 นัด จำเลยกับพวกหนี

พลตำรวจคำถูกแทงที่หน้าท้องใต้ชายโครงด้านขวาเหนือสะดือทะลุออกชายโครงขวาด้านหลัง ได้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 16 วันหลังจากนั้นมารักษาตัวที่บ้าน ได้ลาราชการ 2 เดือน เพราะบาดแผลหายไม่สนิทไม่กล้ายกของหนัก เป็นบาดแผลสาหัส

ข้อแรกศาลฎีกาจะวินิจฉัยว่า นายอั้นและพลตำรวจคำเข้าไปในบ้านนางทองคำมารดา นายจันทร์ เพื่ออะไร นายอั้นเองว่าได้ทราบว่าที่บ้านนางทองคำทำสุราผิดกฎหมาย นางทองคำไม่อยู่จึงไม่ได้ทำการค้นแล้วให้คนไปตามนางทองคำมา พลตำรวจคำและนายปันหรือปั๋นเบิกความว่านายอั้นได้ค้นบ้านนางทองคำก่อน ไม่ได้อะไร จึงออกนอกบ้านแต่ผู้เดียวไปได้สุราของกลางห่างจากรั้วบ้านราว 2 เส้น จึงนำเข้ามาในบ้านนายหลอดนั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้การชั้นสอบสวนว่านายอั้นได้ค้นบ้านนางทองคำ นายหลอดว่า คำให้การชั้นสอบสวนเป็นความจริงชั้นศาลนายหลอดมิได้ให้การถึงการค้นในบ้านเลย นายหลอดว่านานมาแล้วหลงลืมไปบ้าง คำให้การชั้นสอบสวนของนายหลอดประกอบคำเบิกความของพลตำรวจคำและนายปันเป็นอย่างดีว่า นายอั้นได้ค้นสุราผิดกฎหมายที่บ้านนางทองคำ ความข้อนี้นายอั้นได้ปกปิด ทั้งนี้เพราะตนไม่มีหมายค้นและกรณีไม่เข้าข้อยกเว้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92 การกระทำของนายอั้นจึงมิเป็นการกระทำตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย ข้อที่นายอั้นนำสุราผิดกฎหมายจากที่อื่นแล้วนำเข้าไว้ในบ้านนางทองคำอ้างว่า เพื่อสอบถามนางทองคำนั้นเห็นว่าเป็นเพียงแต่ข้อแก้ตัวไม่ลบล้างการค้นที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้น

ปัญหาต่อไปมีว่า นายจันทร์ จำเลยได้ทำร้ายพลตำรวจคำหรือเปล่านายอั้นและพลตำรวจคำต่างว่า นายจันทร์ได้แทงพลตำรวจคำที่ท้อง 1 ที ชั้นสอบสวนและชั้นนายจันทร์จำเลยยื่นคำให้การต่อศาลก็ให้การเป็นทำนองเดียวกัน ฟังได้ว่านายจันทร์ได้แทงพลตำรวจคำจริงแต่ก่อนจะแทงนี้ปรากฏว่า นายจันทร์จำเลยได้เกิดโต้เถียงกับนายอั้นและพลตำรวจคำก็ได้ร่วมช่วยนายอั้นโต้เถียงด้วย และได้เดินเข้ามาใช้ปืนกระแทกนายจันทร์จำเลย ขณะนี้เองที่นายจันทร์จำเลยให้การชั้นสอบสวนว่าได้ใช้มีดแทงป้องกันตัวไป 1 ที ตามพฤติการณ์พลตำรวจคำมีปืนอยู่ในมือ นายจันทร์เพิ่งสึกออกจากพระภิกษุเช้านั้นเอง ไม่ทราบเรื่องราวอะไรในบ้านของตนมาก่อน หากพลตำรวจคำไม่ได้กระทำการรุนแรงตามที่เบิกความอย่างใดแล้ว นายจันทร์จำเลยคงจะไม่แทง การแทงนี้เพื่อป้องกันตัวพอสมควรแต่เหตุแล้วนายจันทร์ไม่ได้แทงซ้ำอีก แม้จะมีโอกาส เมื่อนายหลอดยิงปืน 2 นัดแล้วเข้ามา นายจันทร์จำเลยจึงวิ่งหนี

พลตำรวจคำจะแต่งเครื่องแบบก็จริง แต่มิได้กระทำการในหน้าที่นายจันทร์จำเลยจึงมีสิทธิที่จะทำการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว ฎีกานายจันทร์จำเลยฟังขึ้น

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะตัวนายจันทร์จำเลย นอกจากนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share