คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การหักกลบลบหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ผู้ล้มละลายนั้นย่อมทำได้โดยเจ้าหนี้แสดงเจตนาไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หนี้ก็เป็นอันระงับไป ไม่จำต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียก่อนจึงจะหักกลบลบหนี้กันได้
พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 102 เป็นเพียงบทขยายความของการหักกลบลบหนี้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้เนื่องจากศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนได้ความว่าจำเลยวางมัดจำซื้อกระดาษไว้กับผู้ร้องเป็นเงิน 10,784 บาท จึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระเงินต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

ผู้ร้องคัดค้านต่อศาลแพ่งว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ค่ากระดาษผู้ร้อง 18,741.11 บาท หักแล้วผู้ร้องยังเป็นเจ้าหนี้อยู่อีก 6,285.35 บาทซึ่งผู้ร้องมิได้ติดใจขอพิสูจน์หนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้ว่า การหักกลบลบหนี้นั้นผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียก่อน ผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จึงไม่มีสิทธิจะหักกลบลบหนี้

ศาลแพ่งสอบคู่ความคงโต้เถียงกันแต่เพียงว่าผู้ร้องจะหักกลบลบหนี้โดยมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่

ศาลแพ่งวินิจฉัยว่า เงินมัดจำรายนี้ ต้องจัดเอาเป็นการชำระหนี้บางส่วน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(1) ไม่ใช่หักกลบลบหนี้ จึงเรียกเอาจากผู้ร้องอีกไม่ได้ มีคำสั่งให้จำหน่ายบริษัทเคี่ยนหงวนผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้เสีย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลแพ่งมิได้วินิจฉัยประเด็นที่โต้เถียงและวินิจฉัยว่าการหักกลบลบหนี้ผู้ร้องไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียก่อน พิพากษายืนในผลแห่งคำสั่งของศาลชั้นต้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การหักกลบลบหนี้นั้น หนี้ระงับไปโดยผลของกฎหมายในเมื่อคู่กรณีแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง หนี้ของผู้ร้องและของผู้ล้มละลายเป็นหนี้ที่อาจหักกลบลบกันได้ เมื่อผู้ร้องแสดงเจตนาไปยังลูกหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว หนี้ที่ผู้ล้มละลายเป็นเจ้าหนี้ผู้ร้องอยู่ ก็ย่อมระงับไปไม่จำต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียก่อน พระราชบัญล้มละลาย มาตรา 102 เป็นเพียงขยายความของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้กว้างออกไปอีกเท่านั้น มิได้มีบทบังคับว่าการหักกลบลบหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วศาลฎีกาพิพากษายืน

Share