คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9330-9333/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้องโดยขอให้กำหนดประเด็นเพิ่มว่า จำเลยทั้งสามต่อเติมผนังคอนกรีตด้านหลังตึกแถวของจำเลยทั้งสามรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยสุจริตหรือไม่ด้วย หากศาลไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มให้แก่จำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามจึงขอคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาทของศาล เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่า คำให้การของจำเลยทั้งสามไม่ชัดแจ้งว่าจะต่อสู้ไปในทางใด จึงไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ ถือเป็นการชี้ขาดคำคัดค้านตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสาม จำเลยทั้งสามต้องโต้แย้งคำสั่งชี้ขาดของศาลชั้นต้นนั้นไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 วรรคสอง จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้จำเลยทั้งสามจะถือเอาคำร้องของจำเลยทั้งสามดังกล่าวเป็นคำโต้แย้งคำสั่งศาลแล้วไม่ได้เพราะเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาด ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2) จำเลยทั้งสามจึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ ถึงแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยในปัญหาเรื่องนี้ให้จำเลยทั้งสาม โดยเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ ก็เป็นการไม่ชอบ เพราะต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวมิให้อุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยทั้งสามถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ที่ 1 ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 1 ต่อเติมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 1 แปลงโฉนดเลขที่ 13578 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกไปจากที่ดินของโจทก์ที่ 1 พร้อมกับทำให้ที่ดินของโจทก์ที่ 1 อยู่ในสภาพดังเดิม ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 22,753.74 บาท กับให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 1 เดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 1 จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินของโจทก์ที่ 1
จำเลยที่ 1 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
สำนวนที่สองโจทก์ที่ 1 ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 2 ต่อเติมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 1 แปลงโฉนดเลขที่ 13578 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ที่ 2 พร้อมกับทำที่ดินของโจทก์ที่ 2 ให้อยู่ในสภาพดังเดิม ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 22,753.74 บาท และให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 อีกเดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยที่ 2 จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ที่ 2
จำเลยที่ 2 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
สำนวนที่สี่โจทก์ที่ 2 ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 3 เป็นเงินเดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันที่ครบกำหนดตามหนังสือบอกกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 3 จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ที่ 2 นับถึงวันฟ้องเป็นเวลา 89 วัน คิดเป็นนค่าเสียหายจำนวน 22,753.74 บาท ขอให้จำเลยที่ 3 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 2 โฉนดเลขที่ 13579 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ที่ 2 พร้อมกับทำที่ดินของโจทก์ที่ 2 ให้อยู่ในสภาพดังเดิม ให้จำเลยที่ 3 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 22,753.74 บาท และให้จำเลยที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 อีกเดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยที่ 3 จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ที่ 2
จำเลยที่ 3 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาคดีทั้งสี่สำนวนเข้าด้วยกัน โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องว่า คดีพอวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องกล่าวคือ จำเลยที่ 1 ให้การไม่ชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์และไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาท ศาลชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 ชนะคดีโดยไม่จำต้องสืบพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารอไว้รวมวินิจฉัยสั่งคำร้องนั้นในคำพิพากษา แล้วให้ดำเนินการสืบพยานโจทก์ที่ 1 ต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยแต่ละคนต่อเติมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 1 โฉนดเลขที่ 13578 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ที่ 1 กับทำให้ที่ดินของโจทก์ที่ 1 อยู่ในสภาพดีดังเดิม ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่แต่ละคนต่อเติมรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 2 โฉนดเลขที่ 13579 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ที่ 2 กับทำให้ที่ดินของโจทก์ที่ 2 ให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม ให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นรายเดือน เดือนละ 300 บาท นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมรุกล้ำออกไปจากที่ดินโจทก์ทั้งสอง กับให้จำเลยแต่ละคนชำระค่าฤช่าธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความจำนวน 1,000 บาท เป็นรายคดี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มว่า จำเลยทั้งสามต่อเติมผนังคอนกรีตด้านหลังตึกแถวของจำเลยทั้งสามรุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสองโดยสุจริตหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่จำเลยทั้งสามได้ให้การต่อสู้คดีถึงเรื่องนี้ไว้เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 ว่า ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้องโดยขอให้กำหนดประเด็นเพิ่มว่าจำเลยทั้งสามต่อเติมผนังคอนกรีตด้านหลังตึกแถวของจำเลยทั้งสามรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยสุจริตหรือไม่ด้วย หากศาลไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มให้แก่จำเลยทั้งสามจำเลยทั้งสามจึงขอคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาทของศาล เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่า คำให้การของจำเลยทั้งสามไม่ชัดแจ้งว่าจะต่อสู้ไปในทางใด จึงไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทให้ อันถือเป็นการชี้ขาดคำคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสาม จำเลยทั้งสามต้องโต้แย้งคำสั่งชี้ขาดของศาลชั้นต้นนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 วรรคสอง จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้ จำเลยทั้งสามจะถือเอาคำร้องของจำเลยทั้งสามดังกล่าวเป็นคำโต้แย้งคำสั่งศาลแล้วไม่ได้ เพราะเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นมีสั่งชี้ขาดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) จำเลยทั้งสามจึงไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ ถึงแม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะวินิจฉัยในปัญหาเรื่องนี้ให้จำเลยทั้งสามโดยเห็นพ้องด้วยกันศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ ก็เป็นการไม่ชอบเพราะต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวมิให้อุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยทั้งสามถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทั้งไม่ใช่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสาม คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสามค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสี่สำนวนนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share