คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอายุ 17 ปีเศษ เป็นคนเรียบร้อย ไม่เกะกะ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับโสเภณี ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวเตรีกลางคืน จำเลยเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้างานเป็นอย่างดี ขยันทำงานเพื่อเก็บเงินส่งไปให้บิดามารดาและน้อง ๆ เป็นผู้พูดจาสุภาพเรียบร้อย รู้จักกาละเทศะดีมาก เพียงแต่มีนิสัยสู้คน สมควรที่จะใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแทนการลงโทษทางอาญาแก่จำเลย.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนเล็กยาวยิงนายสง่า ธรรมชาติ ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า นายสง่าถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า กระทำไปเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยฆ่าคนโดยประมาท พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนเห็นว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ไม่มีลักษณะเป็นการป้องกันตัวพิพากษากลับเป็นว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ จำเลยอายุ ๑๗ ปีเศษ และเป็นผู้มีความประพฤติดี ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา ๗๖ ลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก จำเลยมีกำหนด ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ไม่มีลักษณะเป็นการป้องกันตัว เมื่อพิจารณาถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติและสิ่งแวดล้อมของจำเลยแล้ว ปรากฎว่า ขณะจำเลยกระทำผิด อายุ ๑๗ ปีเศษ เป็นคนเรียบร้อย ไม่เกะกะ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคยยุ่งกับโสเภณี ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวเตร่กลางคืน จำเลยเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้างานเป็นอย่างดี ขยันทำงานเพื่อเก็บเงินส่งไปให้บิดามารดาและน้อง ๆ เป็นผู้พูดจาสุภาพเรียบร้อย รู้จักกาละเทศะดีมาก เพียงแต่มีนิสัยสู้คน ใครข่มเหงแล้วมักจะสู้โดยไม่ยอมหนีเท่านั้น สมควรที่จะใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแทนการลงโทษทางอาญาแก่จำเลย จึงพิพากษาแก้ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกและอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กเป็นเวลาขั้นต่ำสามปี ชั้นสูงมีกำหนดอย่าให้เกินกว่าเวลาที่จำเลยมีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็นและเยาวชน พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๓๑(๒) และ ๓๒ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๖ มาตรา ๙,๑๐ นอกจากที่แก้นี้แล้ว ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกเด็กและเยาวชน.

Share