คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9322/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อบ้านออกไปจากที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์อยู่ตามสำเนาโฉนดท้ายฟ้องจำเลยให้การเพียงว่า บ้านและที่ดินพิพาทเป็นของ ข.โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยอาศัยบ้านข.อยู่ไม่ปรากฏเหตุแห่งการปฏิเสธว่าที่โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไม่ถูกต้องอย่างไร หรือ ข.เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทได้อย่างไร จำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ และปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า โจทก์อ้างส่งโฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาให้ที่ดินพิพาทต่อศาล ซึ่งจำเลยไม่คัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้อง จำเลยเพียงแต่ขอสืบพยานบุคคลตามคำให้การดังกล่าวเท่านั้น ดังนี้เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ และเอกสารของโจทก์ดังกล่าวเป็นเอกสารมหาชนที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์และสามีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยชัดแจ้งแล้วกรณีไม่มีความจำเป็นที่จะสืบพยานต่อไป จึงชอบที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยได้ จำเลยครอบครองบ้านพิพาทโดยอ้างว่าอาศัยบุคคลอื่นอยู่ข้ออ้างดังกล่าวย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะอยู่ต่อไปโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่ให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 6739โดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายฉลวย ปิ่นแก้ว สามีโจทก์ที่ดินดังกล่าว นางจันทร์ อ่ำระมาด มารดาจำเลยได้เข้าอาศัยปลูกบ้านอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์กับสามีรับโอนกรรมสิทธิ์ต่อมานางจันทร์ถึงแก่กรรม จำเลยก็ได้อาศัยอยู่สืบต่อมาบัดนี้โจทก์กับสามีประสงค์จะใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวปลูกบ้านอยู่อาศัย จึงแจ้งจำเลยให้รื้อถอนบ้านออกไปจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์และห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
จำเลยให้การว่า บ้านและที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนายเข็ม อ่ำระมาด หลายของจำเลย โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยอาศัยอยู่บ้านของนายเข็ม โจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กัน โจทก์จะฟ้องขับไล่และให้จำเลยรื้อบ้านตามฟ้องไม่ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 6739ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอเมืองนครปฐม แขวงเมืองนครชัยศรีห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาในประการแรกว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและนัดฟังคำพิพากษาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบพิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อบ้านออกไปจากที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์อยู่ตามสำเนาโฉนดเอกสารท้ายฟ้อง จำเลยให้การเพียงว่า บ้านและที่ดินพิพาทเป็นของนายเข็ม อ่ำระมาด โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาทจำเลยอาศัยบ้านนายเข็มอยู่ ไม่ปรากฏเหตุแห่งการปฏิเสธว่าที่โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไม่ถูกต้องอย่างไรหรือนายเข็มเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทได้อย่างไร จำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ และปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2535 ว่าโจทก์อ้างส่งโฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาให้ที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ต่อศาลซึ่งจำเลยไม่คัดค้านว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องจำเลยเพียงแต่ขอสืบพยานบุคคลตามคำให้การดังกล่าวเท่านั้นเห็นว่า เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ และเอกสารของโจทก์ดังกล่าวเป็นเอกสารมหาชนที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์และสามีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีความจำเป็นที่จะสืบพยานต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว
จำเลยฎีกาในประการต่อมาว่า การที่ศาลมีคำพิพากษาขับไล่และให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนสิ่งปลูกสร้างที่มิใช่เป็นของจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่า จำเลยครอบครองบ้านพิพาทโดยอ้างว่าอาศัยบุคคลอื่นอยู่ ข้ออ้างดังกล่าวย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่ให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปได้
พิพากษายืน

Share