คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ช. ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทมาจากบริษัท อ. และขณะเดียวกัน ช. ได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อต่อไปจำเลยผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้ ช. เสร็จสิ้นแล้วแต่ ช. มิได้โอนทะเบียนรถคันพิพาทให้จำเลยต่อมาจำเลยได้ขายรถคันพิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์ชำระราคาแก่จำเลยครบถ้วนแล้ว และโจทก์ได้นำรถคันพิพาทไปจ้างซ่อมเสียค่าจ้างซ่อมไปอีก แต่เนื่องจาก ช.ไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่บริษัทอ. เกินกว่าสองงวด เป็นการผิดสัญญา พนักงานบริษัท อ. จึงได้ยึดรถคันพิพาทไปดังนี้เมื่อจำเลยไม่สามารถโอนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ได้โดยมิใช่ความผิดของโจทก์ เพราะการที่รถคันพิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท อ. เจ้าของที่แท้จริงโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะโต้แย้งได้ ถือได้ว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 แม้จำเลยจะมิได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม จำเลยต้องคืนราคารถคันพิพาทแก่โจทก์และการที่โจทก์ต้องซ่อมรถคันพิพาทเสียค่าซ่อมไปนั้น ก็ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องมาจากที่โจทก์ถูกรอนสิทธิ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์รถแทรคเตอร์ ยี่ห้อฟอร์ด จำเลยจะขายให้โจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายรถดังกล่าวราคา 25,000 บาท โจทก์ได้ชำระราคาให้จำเลยรับไปครบถ้วนแล้ว จำเลยได้มอบรถดังกล่าวให้โจทก์ความจริงรถดังกล่าวเป็นของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์จำกัด โจทก์ได้ซ่อมแซมรถจนมีสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี ต่อมาบริษัท แองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด ได้มายึดรถดังกล่าวไป โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบและบอกเลิกสัญญากับจำเลย และให้จำเลยคืนราคารถ ชดใช้ค่าเครื่องอุปกรณ์ซ่อมรถ และค่าจ้างซ่อมรถรวมเป็นเงิน 45,766 บาท จำเลยไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงขอให้พิพากษาบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 45,766 บาท แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าซื้อรถคันดังกล่าวจากบริษัท แองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด โดยนายชูชาติเป็นผู้ให้เช่าซื้อแทนในราคา 127,602 บาท ตกลงกันว่าเมื่อชำระเงินครบทุกงวดแล้ว จำเลยจึงจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถดังกล่าว ต่อมาจำเลยชำระค่าเช่าซื้อจนครบให้กับนายชูชาติ ในฐานะตัวแทน จำเลยขอให้นายชูชาติโอนทะเบียนรถให้ นายชูชาติขอผัดทำโอน ต่อมาจำเลยขายให้โจทก์ต่อในราคา 25,000 บาทตามฟ้องโดยโจทก์ทราบจากนายชูชาติแล้วว่าจำเลยไม่ได้ติดค้างค่าเช่าซื้อ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเงินราคารถ 25,000 บาท กับค่าอุปกรณ์รถและค่าจ้างซ่อมรถอีก 19,710 บาท รวม 44,710 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งนับจากวันฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่า รถคันพิพาทเป็นของบริษัทแองโกลไทยมอเตอร์จำกัด นายชูชาติ สุจริตชัย ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาทไว้จากบริษัทเสียเอง แต่ในขณะเดียวกันนายชูชาติก็ ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาทให้กับจำเลยไป เมื่อจำเลยผ่อนชำระราคาเช่าซื้อรถคันพิพาทให้กับนายชูชาติ ครบถ้วนแล้ว นายชูชาติก็มิได้จัดการโอนรถคันพิพาทให้จำเลยแต่กลับปรากฏว่านายชูชาติผิดนัดไม่ผ่อนชำระราคาเกินกว่าสองงวดให้กับบริษัท แองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด จำเลยได้ขายรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 25,000 บาท โดยชำระราคากันครบถ้วนแล้ว ในขณะที่จำเลยนำรถคันพิพาทไปซ่อมอยู่ที่อู่หลังจากที่ซื้อมาแล้ว พนักงานของบริษัท แองโกลไทยมอเตอร์จำกัด ก็ได้มาทำการยึดรถคันพิพาทไปเนื่องจากนายชูชาติ ผิดสัญญาเช่าซื้อรถคันพิพาท

ศาลฎีกาเห็นว่า ในเมื่อจำเลยไม่สามารถโอนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ได้โดยที่มิใช่ความผิดของโจทก์ เพราะการที่รถคันพิพาทถูกยึดไปนั้น เป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท แองโกลไทยมอเตอร์ จำกัด เจ้าของที่แท้จริง โจทก์ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะโต้แย้งได้จึงถือได้ว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิตามกฎหมาย จำเลยต้องรับผิดในกรณีที่โจทก์ถูกรอนสิทธิดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 แม้จำเลยจะมิได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม การที่โจทก์ต้องซ่อมรถคันพิพาทเสียเงินค่าซ่อมไปนั้น ก็ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกรอนสิทธิดังกล่าว โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลยได้

พิพากษายืน

Share