แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900,914,989 ประกอบ 224 การที่จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง บิดเบือนข้อเท็จจริงมาฟ้องจำเลย เพราะเช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันการกู้ยืมเงิน มิได้สั่งจ่ายเพื่อการชำระหนี้ดังที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อไม่มีหนี้ต่อกันโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ คำให้การของจำเลยเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916ประกอบมาตรา 989 คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไรและที่ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบจำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คไม่ชอบอย่างไร คำให้การของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นพิพาทแห่งคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 100,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันการกู้ยืมเงิน มิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามที่โจทก์อ้าง โจทก์กับผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างถึงไม่มีหนี้ต่อกันโจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 11 กันยายน 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2529 สั่งจ่ายเงินจำนวน 100,000บาท ให้แก่ผู้ถือ เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทได้คำให้การต่อสู้คดีของจำเลยที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมาฟ้องจำเลยเพราะเช็คพิพาทจำเลยได้สั่งจ่ายให้แก่ผู้มีชื่อไว้เป็นประกันในการกู้ยืมเงินมิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามที่โจทก์อ้าง ความจริงแล้วโจทก์กับผู้มีชื่อที่โจทก์อ้างถึงไม่มีหนี้ต่อกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น ตามคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยดังกล่าวเป็นการต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 แต่คำให้การของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากผู้มีชื่อเป็นผู้ทรงคนก่อน ๆ ด้วยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยอย่างไร และที่จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบ จำเลยก็มิได้อ้างเหตุที่โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทไม่ชอบอย่างไร คำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี คดีไม่ต้องสืบพยานของคู่ความศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องพิเคราะห์พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบมาจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทและเช็คพิพาทครบกำหนดธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ผู้ทรงโดยชอบพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในระหว่างผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900, 914, 989 ประกอบมาตรา224 วรรคแรก ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์มานั้นศาลฎีกาเห็นด้วยในผลฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน