แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ธุรกรรมของจำเลยในการเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปยื่นคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทร โดยการจ่ายจำนวนเงินสงเคราะห์ ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้ยื่นคำขอ ก็คือการรับประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889
เมื่อ อ. พนักงานของจำเลยได้รับคำขอและเงินฝากงวดแรกจาก ช. อ. ต้องส่งเรื่องไปให้ผู้อำนวยการภาคของจำเลยเพื่อพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่ภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้รับเงินฝากงวดแรกของ ช. คือภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าผู้อำนวยการภาคของจำเลยได้พิจารณาอนุมัติให้ออกกรมธรรม์ให้แก่ ช. ย่อมแสดงชัดว่าจำเลยยอมรับว่า ช. มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนดไว้ ส่วนข้อกำหนดในคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรที่ว่า “ข้าพเจ้ายอมรับว่าธนาคารยังไม่มีข้อผูกพันใด ๆ กับข้าพเจ้าจนกว่าธนาคารจะได้ออกกรมธรรม์การฝากเงินให้แล้ว…” นั้น ย่อมมีความหมายมุ่งเฉพาะกรณีผู้ยื่นคำขอมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนดไว้เท่านั้น
จำเลยผูกพันตนในการที่จะต้องพิจารณาอนุมัติตามคำขอหรือไม่ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันรับฝากเงินคือภายในวันที่ 3 พฤศจิกายนซึ่งขณะนั้น ช. ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้ง ช. ยังได้ส่งเงินฝากงวดที่ 2 ให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนก่อนวันครบกำหนดคือวันที่ 3 ถึงสองวันด้วยกัน จำเลยจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ได้ เพราะกรมธรรม์ออกให้แก่ ช. ล่าช้าเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานจำเลยเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นข้อกำหนดในเรื่องการออกกรมธรรม์ไม่อาจถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนในเรื่องความเป็นผลแห่งสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27เมษายน 2541) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม5,000 บาท ค่าขึ้นศาลทั้งสองศาลให้ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2539 นายเชิงชาย ว่องไว ได้ยื่นคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรตามเอกสารหมาย จ.ล.4 ต่อนางสาวอรุณี เพาะบุญ พนักงานจำเลยซึ่งออกหน่วยเคลื่อนที่ไปทำการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของจำเลยที่โรงเรียนวันครู 2502 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และนายเชิงชายรับราชการครูประจำโรงเรียนดังกล่าว ได้กำหนดจำนวนเงินสงเคราะห์ชีวิต 100,000บาทกับจำนวนเงินสงเคราะห์อุบัติเหตุ 100,000 บาท โดยระบุให้โจทก์กับนางสุวนิตย์ วันประกอบ เป็นผู้รับประโยชน์ นายเชิงชายส่งเงินฝากงวดแรกจำนวน 700 บาทในวันนั้นเอง นางสาวอรุณีจัดส่งคำขอดังกล่าวไปยังสำนักงานภาค 1 ของจำเลยเพื่อให้พิจารณาอนุมัติตามคำขอของนายเชิงชายหลังจากนั้นนายเชิงชายได้ส่งเงินฝากงวดที่ 2 เมื่อวันที่ 1พฤศจิกายน 2539 ตามใบรับเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวเอกสารหมาย จ.ล.2 แต่ครั้นวันรุ่งขึ้นนายเชิงชายประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์จนตกไปในคูน้ำข้างถนน ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลปทุมธานีและถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 เดือนเดียวกันตามสำเนามรณบัตรเอกสารหมาย จ.ล.6 ส่วนคำขอของนายเชิงชายได้รับการอนุมัติและจำเลยได้ออกกรมธรรม์การฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรให้แก่นายเชิงชายเมื่อวันที่ 13เดือนเดียวกันนั้นตามเอกสารหมาย จ.ล.1 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากนายเชิงชายถึงแก่กรรมแล้ว 5 วัน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่ากรมธรรม์ตามเอกสารหมาย จ.ล.1 มีผลตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ธุรกรรมของจำเลยในการเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปยื่นคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรโดยการจ่ายจำนวนเงินสงเคราะห์ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้ยื่นคำขอ ก็คือการรับประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 ปรากฏว่าเมื่อนางสาวอรุณีได้รับคำขอและเงินฝากงวดแรกจากนายเชิงชาย ขั้นตอนในการปฏิบัติงานซึ่งพนักงานของจำเลยจะต้องปฏิบัติต่อไป คือนางสาวอรุณีต้องส่งเรื่องไปให้นายจิระศักดิ์ คำอักษร ผู้อำนวยการภาค 1 ของจำเลยเพื่อพิจารณาว่าจะอนุมัติหรือไม่ภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้รับเงินฝากงวดแรกของนายเชิงชายคือไม่เกินวันที่ 3 พฤศจิกายน 2539 สำหรับข้อเท็จจริงในคดีก็ปรากฏว่านายจิระศักดิ์ได้พิจารณาอนุมัติให้ออกกรมธรรม์ให้แก่นายเชิงชายชาย ย่อมแสดงชัดว่าจำเลยยอมรับว่านายเชิงชายมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนดไว้ส่วนข้อกำหนดในตอนท้ายของคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรที่ว่า “ข้าพเจ้ายอมรับว่าธนาคารยังไม่มีข้อผูกพันใด ๆ กับข้าพเจ้าจนกว่าธนาคารจะได้ออกกรมธรรม์การฝากเงินให้แล้ว…” นั้น ย่อมมีความหมายมุ่งเฉพาะกรณีผู้ยื่นคำขอมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จำเลยกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้โดยจำเลยจะต้องผูกพันตนในการที่จะต้องพิจารณาอนุมัติตามคำขอหรือไม่ภายในกำหนด 1เดือนนับแต่วันรับฝากเงิน ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำเลยเพิ่งจะออกกรมธรรม์ให้แก่นายเชิงชายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2539 ล่วงเลยเวลา 1 เดือนที่จะต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จไปถึง 10 วัน และเฉพาะข้อเท็จจริงในคดีนี้จะเห็นได้ว่าหากจำเลยปฏิบัติงานในความรับผิดชอบของตนให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ระยะเวลาที่จำเลยจะต้องออกกรมธรรม์ให้แก่นายเชิงชายอย่างช้าที่สุดก็คือภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2539 ซึ่งขณะนั้นนายเชิงชายยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งนายเชิงชายยังได้ส่งเงินฝากงวดที่ 2 จำนวน 700 บาทให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 ก่อนวันครบกำหนดคือวันที่ 3ถึงสองวันด้วยกัน จำเลยจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ได้ ดังนี้ เมื่อกรมธรรม์ออกให้แก่นายเชิงชายล่าช้าเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานจำเลยเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น จำเลยจึงจะนำข้อกำหนดในตอนท้ายของคำขอเปิดบัญชีฝากเงินประเภทสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัวแบบร่มไทรมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดโดยมิชอบด้วยความเป็นธรรมหาได้ไม่ โดยสำหรับข้อเท็จจริงในคดีนี้ต้องถือว่าสัญญารับประกันชีวิตระหว่างนายเชิงชายกับจำเลยชอบที่จะต้องมีขึ้นภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2539 ส่วนข้อกำหนดในเรื่องการออกกรมธรรม์ไม่อาจถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนในเรื่องความเป็นผลแห่งสัญญา จำเลยจึงต้องรับผิดตามกรมธรรม์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน