แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายจ้างยื่นคำร้องขอเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าตามคำร้องเป็นเรื่องสัญญาจ้างแรงงานระหว่างผู้ร้องกับลูกจ้างสิ้นสุดลงก่อนแล้ว การสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยยังมิได้สืบพยานหรือมิได้วินิจฉัยตามประเด็นข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางยกเรื่องอำนาจฟ้องของผู้ร้องมาวินิจฉัยก่อนว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ใช่เหตุซึ่งจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52 ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำ ได้ ไม่ใช่เป็นกรณีที่ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ทำสัญญาจ้างผู้คัดค้านมีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ผู้ร้องไม่ประสงค์จะจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างเป็นลูกจ้างต่อไปขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าสัญญาจ้างไม่มีผลใช้บังคับ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา ๑๐ ผู้ร้องสั่งพักงานผู้คัดค้านเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย ขอให้ยกคำร้อง ให้ผู้ร้องจ่ายค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันกลับเข้าทำงาน หรือจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้คัดค้าน
วันนัดพิจารณา ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการอนุญาตเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๕๒ หมายถึงการเลิกจ้งระหว่างที่นายจ้างกับลูกจ้างยังมีความสัมพันธ์กันตามสัญญาจ้างแรงงานแต่กรณีตามคำร้องเป็นเรื่องที่สัญญาจ้างแรงงานระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านสิ้นสุดลงแล้วผู้ร้องไม่จำต้องขออนุญาต ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้ศาลแรงงานกลางจะสั่งยกคำร้องของผู้ร้องไปทันทีโดยมิได้สืบพยานหรือไม่วินิจฉัยตามประเด็นข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านก็ตาม แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางยกเรื่องอำนาจฟ้องของผู้ร้องขึ้นมาวินิจฉัยก่อนโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ใช่เหตุซึ่งจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๕๒ ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจที่จะกระทำได้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีที่ดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ
พิพากษายืน