แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่เสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประกัน อ. ทั้งๆ ที่รู้ว่าล. ปลอมลายมือชื่อ ท. ผู้ขอประกัน จำเลยก็ยังเสนอความเห็นว่าควรให้ประกัน อ. ดังนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
จำเลยรับทรัพย์สินสำหรับตนเองเพื่อกระทำให้ อ. ได้รับประกันตัวไป ดังนี้เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 201ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265,268, 157, 83 และริบคำร้องขอประกันและสัญญาประกันของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 201ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 7 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ฟังได้ว่า จำเลยได้ร่วมกับนายหลอมขอประกันตัวนายอนุสรณ์โดยใช้โฉนดที่ดินของนางเทียมเป็นหลักทรัพย์ และปรากฏตามคำพันตำรวจตรีชนะ ชูมาตย์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเลิงนกทาด้วยว่า จำเลยได้บันทึกในคำร้องขอประกันว่าสมควรให้ประกัน ผู้ต้องหาไม่หลบหนี ส่วนลายมือชื่อของนางเทียมเจ้าของโฉนดที่ดินซึ่งลงไว้ในคำร้องขอประกันตัวนายอนุสรณ์นั้น พันตำรวจตรีกิจจาผู้เชี่ยวชาญของศาลสาขาการตรวจพิสูจน์เอกสารและการปลอมแปลงซึ่งทำการพิสูจน์ลายมือชื่อนางเทียมในเอกสารหมาย จ.4 ยืนยันว่า เมื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อนายหลอมที่เขียนเป็นลายมือชื่อนางเทียมในเอกสารตัวอย่างแล้วปรากฏว่าเป็นลายมือของคนคนเดียวกัน แสดงว่าผู้ที่ปลอมลายมือชื่อของนางเทียมในคำร้องขอประกันคือนายหลอมนั้นเอง ดังนี้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันทำเอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง และเมื่อจำเลยได้ร่วมกันทำเอกสารปลอมตามเอกสารหมาย จ.4 แล้ว ยังได้นำไปเสนอต่อพันตำรวจตรีชนะเพื่อให้พันตำรวจตรีชนะสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายอนุสรณ์จนพันตำรวจตรีชนะอนุญาตให้ประกันตัวได้ตามที่จำเลยเสนอความเห็นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมอีกกระทงหนึ่งด้วย และการที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนมีหน้าที่เสนอความเห็นต่อพันตำรวจตรีชนะผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประกันตัวนายอนุสรณ์ ทั้งๆ ที่รู้ว่านางเทียมผู้ขอประกันตัวนายอนุสรณ์มิได้ลงลายมือชื่อด้วยตนเอง หากแต่นายหลอมเป็นผู้ปลอมลายมือชื่อก็ยังเสนอความเห็นว่าควรให้ประกันตัวนายอนุสรณ์ผู้ต้องหาไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งนี้ได้ความจากคำนายประทีป เสวะนาม พยานโจทก์ว่า จำเลยเคยใช้ให้ไปตามนายอนุสรณ์ที่กรุงเทพมหานครและได้พบนายอนุสรณ์ แต่นายอนุสรณ์ไม่ยอมเข้ามอบตัวอ้างว่าได้ให้เงินแก่จำเลยเป็นสินน้ำใจไปแล้ว 25,000 บาท คำนายประทีปนี้เมื่อนำมาพิเคราะห์ประกอบคำพันตำรวจโทวิชาญซึ่งขณะเกิดเหตุรับราชการในตำแหน่งรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร และเป็นผู้รับมอบตัวนายอนุสรณ์จากเจ้าหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้โทษที่เบิกความว่า ได้สอบปากคำนายอนุสรณ์ไว้ นายอนุสรณ์ให้การว่าได้ให้เงินแก่จำเลยเป็นค่าตอบแทนสินน้ำใจเป็นเงินประมาณ 50,000บาทแต่นายอนุสรณ์ขอให้ลงบันทึกไว้ในคำให้การเป็นเงินประมาณ 20,000 บาท หรือ 25,000 บาท จำไม่ได้แล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการรับทรัพย์สินสำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการให้นายอนุสรณ์ผู้ต้องหาในคดีอาญาได้รับการประกันตัวไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 201 ด้วย…’
พิพากษายืน.