คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัด ช. ได้ขอให้ศาลจังหวัด ช. อายัดเงินค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 จะได้รับ ศาลจังหวัด ช. อายัดเงินดังกล่าวและขอให้ศาลแพ่งบังคับคดีแทน ต่อมาจำเลยที่ 1 ถูกฟ้องล้มละลายคดีนี้ที่ศาลแพ่งและถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ให้ส่งเงินของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ที่อายัดไว้ตามหมายอายัดของศาลจังหวัด ช. ซึ่งยังอยู่ที่กองบังคับคดีแพ่งไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีนี้ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2516 วันที่ 14 ตุลาคม 2517 ผู้ร้องได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัด ช. ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ที่สั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งเงินที่อายัดมาไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ผลที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษายกคำร้องดังกล่าวของผู้ร้องโดยวินิจฉัยว่า ผู้ร้องจะต้องมายื่นคำร้องต่อศาลแพ่งจึงจะชอบ (ฎีกาที่ 532/2520) ผู้ร้องได้ฟังคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวในวันที่ 15 สิงหาคม 2520 ต่อมาวันที่ 6 กันยายน 2520 ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งฉบับลงวันที่ 29 ตุลาคม 2516 อ้างว่าสั่งไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ เป็นกรณีที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบเกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง แล้วผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งฉบับดังกล่าวนั้นได้ ชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ย่อยาว

กรณีเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเดิมผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5/2516 ของศาลจังหวัดชัยนาทได้ขอให้ศาลจังหวัดชัยนาทออกหมายบังคับคดีอายัดเงินค่าจ้างก่อสร้างบ้านพักครูที่กรมการฝึกหัดครูจะต้องจ่ายให้แก่จำเลยที่ 1 ศาลจังหวัดชัยนาท ขอให้ศาลแพ่งบังคับคดีแทน วันที่ 30 เมษายน 2516 กรมการฝึกหัดครูส่งเงินค่าจ้างก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้รับจำนวน 250,125 บาท มาให้แก่กองบังคับคดีแพ่งตามที่อายัด และกองบังคับคดีแพ่งได้รับเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม2516 โดยระหว่างตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2516 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2516 ไม่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 รายใดมาร้องขอเฉลี่ยเงินที่อายัดดังกล่าว ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม 2516 โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งเป็นคดีล้มละลายคดีนี้ ศาลแพ่งมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 ชั่วคราวเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2516 ผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลายมีหนังสือถึงหัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งแจ้งว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ชั่วคราวแล้ว ขออายัดเงินจำนวน 250,125 บาทดังกล่าวข้างต้นและต่อมาได้แจ้งให้หัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งส่งไปให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1ลูกหนี้ในคดีล้มละลาย หัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งปฏิเสธไม่ยอมส่งอ้างว่าผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลายมีหนังสือถึงหัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งแจ้งว่า เห็นชอบด้วยในการที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเงินจำนวน 250,125 บาทดังกล่าวไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ แต่ก็ขออายัดเงินจำนวนนี้ไว้ก่อนเพื่อรอฟังโจทก์ในคดีล้มละลายโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลแพ่งไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2516 ให้กลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้กองบังคับคดีแพ่งส่งเงินไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายแล้วในวันที่ 26 ธันวาคม2516 ผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลายก็มีหนังสือถึงหัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งให้ส่งเงินที่อายัดไปให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และหัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งได้ส่งไปให้กองบังคับคดีล้มละลายแล้วเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2517 ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2517 ผู้ร้องไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดชัยนาท ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5/2516 ของศาลจังหวัดชัยนาทว่าการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายคดีนี้มีคำสั่งให้นำเงินที่ผู้ร้องขออายัดไว้ไปรวมในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายนั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลจังหวัดชัยนาทสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองบังคับคดีล้มละลายในสำนวนคดีล้มละลายคดีนี้ และมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งเงินคืนกองบังคับคดีแพ่ง เพื่อนำไปชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ร้องต่อไป คำร้องของผู้ร้องดังกล่าวนี้ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในผลที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง (คำพิพากษาฎีกาที่ 532/2520) ต่อมาในวันที่ 6 กันยายน 2520 ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องในคดีนี้ต่อศาลแพ่งเป็นกรณีนี้ขึ้น โดยผู้ร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งที่ได้สั่งไว้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2516ดังกล่าวข้างต้นนั้นเสีย แล้วมีคำสั่งใหม่ว่าการบังคับคดีเกี่ยวกับเงินที่อายัดรายนี้ได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1ให้ผู้อำนวยการกองบังคับคดีล้มละลายส่งเงินจำนวน 250,070 บาท คืนกองบังคับคดีแพ่งเพื่อส่งให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดชัยนาทเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5/2516ของศาลจังหวัดชัยนาทต่อไป

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้รายหนึ่งที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ในคดีล้มละลาย และผู้ร้องทราบเรื่องการโอนเงินที่อายัดรายนี้มาไว้ในคดีล้มละลายคดีนี้แล้วการยื่นคำร้องของผู้ร้องในกรณีนี้เป็นการยื่นเมื่อล่วงพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว และคำสั่งของศาลแพ่งลงวันที่ 29 ตุลาคม 2516 ก็ถึงที่สุดแล้วด้วย ขอให้ยกคำร้อง

ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว มีคำสั่ง (ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2520) เพิกถอนคำสั่งศาลแพ่งฉบับลงวันที่ 29 ตุลาคม 2516 ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งเงินจำนวน 250,070 บาท คืนกองบังคับคดีแพ่งให้กองบังคับคดีแพ่งส่งให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดชัยนาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ร้องต่อไป

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งลงวันที่ 12ธันวาคม 2520 และยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของผู้ร้อง เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าคำสั่งของศาลแพ่งฉบับลงวันที่ 29 ตุลาคม 2516 ที่สั่งให้ส่งเงินของลูกหนี้ที่ถูกอายัดไปรวมไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ในคดีล้มละลายนั้น เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบเพราะมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27หากผู้ร้องเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ร้องเสียหาย ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งให้สั่งเพิกถอนเสียภายในเวลาไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนั้น ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรค 2 แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า หลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2516 แล้ว ต่อมาอีกเกือบ 1 ปี คือในวันที่ 14 ตุลาคม2517 ผู้ร้องจึงไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดชัยนาทขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ที่สั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีส่งเงินที่อายัดมาไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งผลที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องโดยวินิจฉัยว่าผู้ร้องจะต้องมายื่นคำร้องต่อศาลแพ่งจึงจะชอบ เพราะศาลแพ่งเป็นผู้ออกคำสั่งให้ส่งเงินที่อายัดมาไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เมื่อผู้ร้องได้ฟังคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวในวันที่ 15 สิงหาคม 2520 แล้ว ต่อมาวันที่ 6 กันยายน 2520 ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องเป็นกรณีนี้ขึ้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ชัดว่าผู้ร้องได้มายื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งเพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งฉบับลงวันที่ 29 ตุลาคม 2516 เกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 27 วรรค 2 นั้นแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งฉบับดังกล่าวนั้นได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผลที่ให้เพิกถอนคำสั่งของศาลแพ่งฉบับลงวันที่ 12 ธันวาคม 2520 และยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้อง

พิพากษายืน

Share