คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤตติการณ์ที่ไม่ถือว่าได้มีสัญญาจ้างทำของเกิดขึ้นแล้วจำเลยยื่นประกวดราคารับเหมาก่อสร้าง ถึงแม้โจทก์จะตกลงสนองรับใบประกวดราคาของจำเลยแล้วก็ดีแต่เมื่อโจทก์จำเลยยังจะต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณอักษณกันอีกชั้นหนึ่งดังนี้ จะถือว่าได้มีสัญญาจ้างทำของเกิดขึ้นระหว่างโจทก์จำเลยแล้วไม่ได้ จำเลยยื่นประกวดราคารับเหมาก่อสร้างตามคำเชื้อเชิญของโจทก์ แล้วจำเลยขอถอนใบประกวดราคาของตนเสียดังนี้ เมื่อโจทก์ตอบรับใบประกวดราคาของจำเลยในเวลาอันสมควรต้องถือว่าได้มีคำสนองรับใบประกวดของจำเลย และมีผลผูกพันจำเลยตามใบประกวดราคานั้น ผู้ประมูลสร้างไม่ยอมทำสัญญาก่อสร้าง ผู้จ้างจึงให้ประกวดราคาใหม่ดังนี้จำนวนเงินที่ผิดกันระหว่างการประมูลทั้งสองนั้นไม่ใช่ค่าเสียหายในการผิดสัญญาประมูล

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์ได้แจ้งความเรียกประกวดราคาค่ารับเหมาก่อสร้างตึก โดยมีคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่งโจทก์ตั้งขึ้นเป็นผู้ทำการเปิดใบประกวดราคาและลงมติเลือกผู้ประกวดราคาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ก่อนวันเปิดใบประมวลราคาโจทก์ได้แจกแบบข้อสัญญาการประกวดราคาโดยย่อแก่ผู้ที่ประสงค์จะยื่นประกวดราคารวมทั้งจำเลยด้วย จำเลยได้ยื่นใบประกวดราคารับทำการก่อสร้างโดยคิดราคา ๓๘๕๐๐ บาท และยอมรับทำการตามแบบรูปรายการและข้อสัญญาประกวดราคาและยอมรับปฏิบัติตามข้อสัญญาทุกอย่างของโจทก์ ทั้งยอมวางมัดจำร้อยละ ๕ ของราคาที่ยื่นประกวด เงินมัดจำนี้ยอมให้ริบ ถ้าจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมรับทำการก่อสร้าง ครั้นถึงกำหนดกรรมการเปิดใบประกวดราคาและลงมติตกลงให้จำเลยเป็นผู้รับเหมาและได้แจ้งความนี้ให้คนของจำเลยทราบรุ่งขึ้นจำเลยส่งหนังสือไปยังกรรมการขอถอนใบประกวดราคา ในวันเดียวกันนั้นเอง เจ้าพนักงานได้มีจดหมายแจ้งให้จำเลยทราบว่ากรรมการได้ตกลงเลือกให้จำเลยเป็นผู้รับเหมาแล้ว และต่อมาอีก ๑๖ วันโจทก์ได้มิจดหมายแจ้งว่าจำเลยจะตอบการประกวดราคาไม่ได้ ให้นำเงินมัดจำมาวาง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงเรียกประกวดราคาใหม่ ผู้ที่ให้ราคาต่ำที่สุดในครั้งนี้ให้ราคา ๖๐๒๗๙ บาท จึงได้รับเลือกให้เป็นผู้รับเหมา โจทก์จึงฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหาย ๒๑๗๗๙ บาท คือ จำนวนเงินที่ต่างกันระหว่างราคาที่จำเลยยื่นประกวดราคาคราวแรก กับราคาของผู้ที่ได้รับเลือกในครั้งหลัง
ศาลแพ่งเห็นว่า หนังสือที่จำเลยมีถึงโจทก์ขอถอนคำเสนอนั้นไม่มีผล เพราะคำสนองของโจทก์ได้รู้ถึงจำเลยโดยทางคนของจำเลยแล้ว แต่แม้ว่าสัญญาตามใบประกวดราคาของจำเลยเป็นอันมีคำสนองรับแล้วก็ดีโจทก์จำเลยยังต้องทำสัญญาต่อไปอีกคือสัญญารับเหมาก่อสร้าง เมื่อสัญญานี้ยังมิได้ทำกันจึงเป็นอันว่าจำเลยทำผิดสัญญาตามใบประกวดราคาเท่านั้น เมื่อเช่นนั้นค่าเสียหายที่โจทก์ควรได้รับก็คือ เงินมัดจำที่ว่าไว้ในการยื่นประกวดราคาเท่านั้น จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๙๒๕ บาท แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในเรื่องนี้โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจ้างทำของกันแล้ว โจทก์จึงควรได้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง จึงพิพากษาจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒๑๗๗๙ บาท
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามข้อเท็จจริงคงได้ความในการจ้างก่อสร้างรายนี้จะต้องทำสัญญาเป็นหนังสือ และจะทำเป็นหนังสือกันต่อเมื่อได้มีการประกวดราคากันแล้ว ทั้งนี้ปรากฏตามความในใบเชื้อเชิญ ประกวดราคาข้อ จ.จึงไม่เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ที่ว่าโจทก์จำเลยได้มีสัญญาจ้างทำของผูกพันกันแล้ว ส่วนในเรื่องที่จำเลยต่อสู้ว่าได้ถอนคำขอก่อนมีคำรับนั้น เห็นว่าเมื่อกรรมการลงมิติให้จำเลยเป็นผู้รับเหมาแล้ว จำเลยจะต้องรอรับสนองคำเสนอของจำเลยภายในเวลาอันสมควรเทียบได้ตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๓๕๕,๓๕๖ เพราะการยื่นประมูลทำเป็นลายลักษณอักษณเรียกไม่ได้ว่าทำฉะเพาะหน้าจำเลยจะต้องให้ระยะเวลาพอสมควรแก่การตอบ รับสนองจึงถือได้ว่ามีคำสนองรับใบประกวดของจำเลยแล้ว ส่วนค่าเสียหายนั้นเห็นว่าคู่สัญญากำหนดกันไว้ว่าจะริบเงินมัดจำเมื่อมีการผิดสัญญาประกวดเท่านั้น มิได้ผิดสัญญาก่อสร้างและมิได้พิศูจน์ว่ามีการเสียหายมากยิ่งกว่านี้จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลแพ่ง

Share