แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกผู้เสียหายชกด้วยสนับมือที่หูซ้ายก่อนและผู้เสียหายจะชกด้วยสนับมือซ้ำอีก ผู้เสียหายจึงเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะนั้นเพียง 1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ , ๘๐ , ๒๘๘ กับริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ , ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหาย ๑ ครั้ง ถูกที่ชายโครงซ้ายทะลุเข้าปอด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ. ๔ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยถูกผู้เสียหายชกด้วยสนับมือที่หูซ้ายก่อนและผู้เสียหายจะชกด้วยสนับมือซ้ำอีก ผู้เสียหายจึงเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะนั้นเพียง ๑ ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น อนึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบมีดของกลาง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกฟ้องโดยไม่ได้ระบุให้คืนมีดของกลางเพราะมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน และให้คืนมีดของกลางแก่เจ้าของ.