คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่ 3 ไม่ได้ลงชื่อในหนังสือสัญญาค้ำประกันนั้นในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นไว้แม้ต่อมาจำเลยจะแถลงขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มเติม แต่ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุจะเพิ่มประเด็นตามคำแถลง จำเลยก็มิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวทั้งมิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้น ถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหานี้ให้ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ามาแต่ศาลชั้นต้น แม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยอาจยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ก็ตามแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะไม่ยกขึ้นวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 800,000บาท พร้อมดอกเบี้ย ถ้าไม่ชำระให้นำทรัพย์ที่จำนำไว้ออกขายทอดตลาดหากไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสามให้การว่า ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจให้ดำเนินคดีไม่ใช่ลายมือชื่อของนายดำรงค์ กฤษณามระผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับให้แก่โจทก์และมิได้รับเงินจากโจทก์ตามฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้ ลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันเป็นลายมือชื่อปลอม ส่วนจำเลยที่ 3 ได้ทำสัญญาค้ำประกันตามเอกสารท้ายฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย หากไม่ใช้ให้นำทรัพย์จำนำออกขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้จนครบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 กับที่ 3 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงิน และจำเลยที่ 3 ไม่ได้ลงชื่อในหนังสือค้ำประกันตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียง 2 ข้อ ว่า1. โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และ 2. จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยมิได้กำหนดประเด็นตามที่จำเลยที่ 1 กับที่ 3ฎีกาดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะแถลงขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มเติมว่า จำเลยแต่ละคนต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด แต่ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุจะเพิ่มประเด็นตามคำแถลงจำเลยก็มิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าว ทั้งมิได้อุทธรณ์หรือฎีกาว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทเพิ่มเติมเป็นการไม่ชอบถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น แม้ต่อมาจำเลยจะอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1กับที่ 3 มิได้ลงชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินกับหนังสือค้ำประกันตามฟ้อง และศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ถือว่าปัญหาข้อนี้มิได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งจำเลยที่ 3 ก็ให้การรับแล้วว่าได้ทำสัญญาค้ำประกันจริงตามฟ้อง ปัญหานี้จึงยุติ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนทีจำเลยทั้งสามฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนโจทก์เป็นการมอบอำนาจเฉพาะคดีและผู้รับมอบอำนาจมิได้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า ในปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ามาแต่ศาลชั้นต้น แม้อำนาจฟ้องจะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ก็ตาม แต่ศาลฎีกาเห็นว่าไม่สมควรยกขึ้นวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share