แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอก โดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอาทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวไปนั้นดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314, 319(3)
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้จำคุก 6 เดือน ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2495 เวลากลางวัน จำเลยได้รับมอบหมายเครื่องทองรูปพรรณจากนายเติมศักดิ์ ฟองศรีสิน รวม 19 อย่างราคา 13,188 บาท ดังปรากฏตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้หรือขายไม่ได้ ก็จะนำเครื่องทองรูปพรรณเหล่านี้และเงินค่าขายมาส่งภายในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2495 เมื่อจำเลยได้รับเครื่องทองรูปพรรณไปแล้วไม่นำมาส่งให้นายเติมศักดิ์ฟองศรีสินตามกำหนดจำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตยักยอกเครื่องทองรูปพรรณดังกล่าวเป็นประโยชน์ส่วนตัวจำเลยเสีย ฯลฯ ครั้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2495 เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ของจำเลยจึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีในวันเดียวกัน ฯลฯ”
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องดังกล่าวเป็นฟ้องอันถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่