แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้มีเงินฝากในธนาคารได้สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินในบัญชีของตนโดยออกเช็ค กรอกจำนวนเงินลงไปจำนวนหนึ่งภายหลังปรากฎว่าเช็คฉะบับนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนเงินที่สั่งจ่ายให้มากขึ้น ดดยผู้สั่งจ่ายไม่ทราบและธนาคารได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ขนั้นแล้ว ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฎว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็คนั้นอย่างไรแล้ว ธนาคารจะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ปลอมแปลงนั้นหาได้ไม่ จะเรียกได้แต่เฉพาะจำนวนเงินเดิมแห่งเช็คนั้นเท่านั้น เพราะอาจอนุโลมกถือได้ว่าสิทธิของธนาคารต่อผู้เคยค้าที่สั่งจ่ายเป็นเสมือนผู้ทรง ต่อผู้ต้องรับผิดตามตั่วเงินนั้น./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนมกราคม ๒๔๙๓ โจทก์ได้สั่งให้จำเลยจ่ายเงินในบัญชีของโจทก์ โดยออกเช็ครวม ๓ ฉะบับ ต่อมาปรากฎว่าเช็คทั้ง ๓ ฉบับนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนเงินที่สั่งจ่ายให้มากขึ้น โดยโจทก์ไม่ทราบ และไม่ยินยอม จำเลยได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้น แล้วหักเงินในบัญชีของโจทก์ โจทก์ถือว่า จำเลยจะโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม ได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่เสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยลงบัญชีเงินของโจทก์ ๕๐๐๐ บาท เท่าจำนวนที่จำเลยได้จ่ายไป พร้อมทั้งดอกเบี้ย.
จำเลยต่อสู้ว่า เช็ค ที่กล่าวมีลายมือชื่ออันแท้จริงของโจทก์ ผู้สั่งจ่าย จำเลยจ่ายเงินไปตามทางค้าปกติโดยสุจริต ปราศจากการประมาทเลินเล่อ จำเลยไม่ต้องรับผิด หากจะต้องรับผิด ก็เพียง ๓๑๕๒ บาท เท่าที่เกินจำนวนที่โจทก์สั่งจ่ายเท่านั้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้มีความประมาทเลินเล่อ ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๐๐๙ พิพากษา
ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยลงบัญชีของโจทก์เป็นจำนวน ๓๑๕๒ บาท เท่าที่จ่ายเกินไป ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๐๐๙, ๑๐๐๗ ประกอบด้วยมาตรา ๙๑๐ , ๙๘๙ แล้วเห็นว่าสำหรับคดีนี้ เมื่อไม่ปรากฎว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้ละเลยในการะมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็คนั้นอย่างไรแล้ว ธนาคารจะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ปลอมแปลงนั้น หาได้ไม่ จะเรียกได้แต่เฉพาะจำนวนเงินเดิมแห่งเช็คเท่านั้น เพราะอาจอนุโลมถือได้ว่า สิทธิของธนาคารต่อผู้ที่เคยค้าที่สั่งจ่าย เป็นเสมือนผู้ทรงต่อผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้น
จึงพิพากษายืน./