แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งมีอายุ16ปีเศษและเป็นน้องสาวของภริยาโดยพฤตินัยของจำเลยไปอยู่กินฉันสามีภริยากันจนมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนโดยก่อนเกิดเหตุจำเลยได้เลิกเป็นสามีภริยากับพี่สาวผู้เสียหายเป็นเวลาหลายเดือนแล้วแสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปโดยตั้งใจจะเลี้ยงดูเป็นภริยาจริงไม่เป็นการพรากไปเพื่อการอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ได้ พราก ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี 7 เดือน ไป จากบิดา มารดา เพื่อ การ อนาจาร ขอให้ ลงโทษ
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ลงโทษ จำเลย ตาม ฟ้อง
จำเลย อุทธรณ์ และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า ขณะ เกิดเหตุ นางสาว อุดมพร จันทร์ทองอายุ 16 ปี 7 เดือน ก่อน เกิดเหตุ ประมาณ 8 ปี จำเลย ได้ อยู่กินฉัน สามี ภริยา กับ นาง อุไร จันทร์ทอง พี่สาว ของ นางสาว อุดมพรโดย ไม่ ได้ จด ทะเบียน สมรส กัน และ มี บุตร ด้วยกัน 1 คน วัน เกิดเหตุนางสาว อุดมพร ได้ ตาม จำเลย ไป อยู่กิน ฉัน สามี ภริยา กับ จำเลยที่ บ้าน มารดา ของ จำเลย และ จำเลย ไม่ ได้ มา เกี่ยวข้อง อยู่กินฉัน สามี ภริยา กับ นาง อุไร อีก ปัญหา จึง มี ว่า จำเลย ได้ พรากนางสาว อุดมพร ไป จาก นาย รื่น นางละม่อม จันทร์ทอง บิดา มารดา เพื่อการ อนาจาร หรือไม่ พยาน โจทก์ มี นาย รื่น จันทร์ทอง เบิกความ ว่าวัน เกิดเหตุ จำเลย ยัง อยู่ กิน กับ นาง อุไร จันทร์ทอง ภริยา และนาง อุไร จันทร์ทอง เบิกความ ว่า วัน เกิดเหตุ เวลา เช้า จำเลย บอก ว่าจะ ไป บ้าน มารดา แสดงว่า จำเลย ยัง อยู่กิน ฉัน สามี ภริยา กับนาง อุไร แต่ นางสาว อุดมพร จันทร์ทอง เบิกความ ว่า จำเลย ไม่ ได้อยู่กิน กับ นาง อุไร ตั้งแต่ เดือน มกราคม 2526 เจือสม กับ คำ เบิกความของ จำเลย ว่า ไม่ ได้ อยู่กิน กับ นาง อุไร โดย จำเลย แยก ไป อยู่กับ มารดา ตั้งแต่ ต้นปี พ.ศ. 2526 และ เมื่อ จำเลย พราก นางสาว อุดมพรไป แล้ว จำเลย ไม่ ได้ มา เกี่ยวข้อง อยู่กิน เป็น สามี ภริยา กับนาง อุไร ไม่ ปรากฏ ว่า จำเลย กับ นาง อุไร ได้ มี การ พูด กัน ถึงเรื่อง ที่ จะ แยกกัน หรือ จะ เลิก เป็น สามี ภริยา กัน เลย ศาลฎีกาจึง เชื่อ ว่า จำเลย ได้ เลิก เป็น สามี ภริยา กับ นาง อุไร มาแต่ก่อน เกิดเหตุ ขณะ เกิดเหตุ จำเลย จึง ไม่ มี ภริยา จำเลย ได้ พานางสาว อุดมพร ไป อยู่กิน ฉัน สามี ภริยา กัน ที่ บ้าน มารดา จำเลยตลอดมา นางสาว อุดมพร เบิกความ เป็น พยาน เมื่อ วันที่ 5 กรกฎาคม2526 ก็ ว่า ตั้งแต่ อยู่กิน กับ จำเลย จำเลย รักใคร่ นางสาว อุดมพรดี และ นางสาว อุดมพร มี ครรภ์ กับ จำเลย เกือบ 3 เดือน แล้ว ต่อมาวันที่ 2 มกราคม 2527 นางสาว อุดมพร ได้ คลอดบุตร โดย มี จำเลย เป็นบิดา ตาม สูติบัตร ที่ จำเลย อ้าง เป็น พยาน ใน ระหว่าง พิจารณา คดีของ ศาลฎีกา แสดงว่า จำเลย พา นางสาว อุดมพร ไป โดย ตั้งใจ จะ พา ไปเลี้ยงดู เป็น ภริยา จริงจัง จึง ไม่ เป็น การ พราก นางสาว อุดมพรผู้เยาว์ ไป เพื่อ อนาจาร ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วย ฎีกา โจทก์ ฟัง ไม่ ขึ้น
พิพากษายืน