คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มือชกต่อย ใช้เท้าเตะและกระทืบ และใช้เข่ากระแทก ทำร้ายร่างกายนายนัด แสนกล้า โดยมีเจตนาฆ่านายนัด นายนัดถึงแก่ความตาย โดยจำเลยโกรธแค้นนายนัดในเรื่องแย่งกันขายไม้ และจำเลยได้อาฆาตไว้ อันเป็นการฆ่าโดยไตรีตรองไว้ก่อนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๒๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธในตอนต้น พอสืบพยานโจทก์ไปได้ ๕ ปาก จำเลยให้การใหม่ว่าจำเลยได้กระทำตามพฤติการณ์ที่นายสุขพยาน โจทก์เบิกความต่อศาล
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี คำรับขั้นสอบสวนและชั้นศาลครั้งแรกเป็นประโยชน์ในการพิจารณา ลดโทษให้ ๑ ใน ๔ คงจำคุก ๑๕ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุ นายสุขกับจำเลยไปขายถ่านที่ตลาดพบนายนัดผู้ตายและนายพรมว่า กลับจากไปขายไม้เสาที่บ้านท่าศิลา จำเลยว่าจำเลยติดต่อไว้ ทำไมผู้ตายนายพรมไปขายก่อน หากินตัดหน้าตัดตา กูจะฆ่า จะเตะมึงเดี๋ยวนี้ แล้วผู้ตาย นายพรม นางใสภรรยานายพรมจำเลย และนายสุข พากันไปกินสุราที่ร้าน กินสุราแล้วจำเลยก็ยังพูดว่า จะฆ่าจะตีผู้ตายเดินออกจากร้านกลับ นายสุข นายพรม นายใสและจำเลย ออกเดินไปหาซื้อของในตลาดแล้วพากันกลับบ้าน ระหว่างทางจำเลยพูดขู่เข็ญนายพรมเรื่องไม้เสาอย่างเก่าอีก จำเลยจับแขนนายพรมทำท่าจะชก นางใสจับจำเลยออก แล้วเดินต่อไป จำเลยพูดขู่เข็ญแต่คำเก่าอีก จนถึงเรือนนายอิน พบผู้ตายกินสุราอยู่บนเรือนนายอิน ผู้ตายได้เรียกนายสุข นายพรม นางใส และจำเลยร่วมวงสุรา ผู้ตายเอามือปัดแล้วสุราหก นายสุขยกแก้วขึ้นทำท่าจะตีผู้ตาย แต่ทำเล่น ๆ จำเลยว่าเดี๋ยวเอกจริง ๆ เสียเลย ภรรยานายอินเห็นจะเกิดเรื่องจึงไล่ออกจากบ้าน จำเลยยังพูดขู่เข็ญ แสดงความโกรธผู้ตาย ถึงนานายที ผู้ตายคุยกับนายที จำเลยกับนายสุขไปทางนายนาต่วน พบนายต่วน นายคม ปักดำนาอยู่ จำเลยเข้าไปกินสุรา เสร็จแล้วนายสุขเรียกจำเลยลุกไป จำเลยถามว่าผู้ตายออกจากนายทีมาหรือยัง นายสุขว่าลุกออกไปแล้ว นายสุขเดินไปทางเหนือ จำเลยเดินตามหลัง ห่างกัน ๑ เส้น นายสุขเห็นว่าจำเลยหยุดบนคันนานายแท่น ได้เรียกจำเลยกลับบ้าน เกรงว่าจำเลยจะทำร้ายนายนัดผู้ตาย จำเลยว่า เดินก่อนเถอะเหนื่อยจะพักผ่อน ขณะนั้นนายสุขเห็นผู้ตายกำลังเดินมาทางที่จำเลยอยู่ จำเลยพูดกับนายนัดผู้ตายว่า หากินเก่งแท้ ให้เอาเงินมาชำระหนี้คืน ๑๑ บาท ผู้ตายว่าซื้อเหล้ากินหมดแล้ว จำเลยตรงเข้าไปกอดคอผู้ตาย ชกต่อยผู้ตายจนผู้ตายล้มลงจำเลยจับผู้ตายลุกขึ้น ดึงลากไปทางคันนา วางลงแล้วกระทืบริเวณท้อง ๒ ครั้ง
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าจำเลยตั้งใจจะตี จะฆ่าผู้ตายดังที่พูด จำเลยก็น่าจะตระเตรียมหาอาวุธอันเป็นการส่อแสดงความตั้งใจออกมาบ้าง แต่จำเลยไม่ได้ตระเตรียมอะไร ขณะเกิดเหตุจำเลยคงมีแต่มือเปล่า คนโต ๆ ด้วยกัน จะฆ่ากันด้วยมือเปล่า ย่อมจะกระทำได้ยาก ดังนั้น การที่จะคิดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายด้วยมือเปล่า ๆ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะไกลมากไป เหตุที่จำเลยหยุดตรงทางที่ผู้ตายจะผ่าน ถือได้ว่าจำเลยหยุดเพื่อจะพอผู้ตาย แต่จะพิเพื่อจะตีจะฆ่า หรือเพื่อทวงเงิน ยังเป็นปัญหา เพราะจำเลยได้ทวงเงินผู้ตายด้วย มูลเหตุที่จำเลยจะทวงเงิน คงเนื่องด้วยผู้ตายขายไม้เสาได้เงินมา เมื่อผู้ตายไม่ให้โดยบอกว่าซื้อเหล้ากินหมด จำเลยอาจไม่เชื่อและอาจคิดว่าผู้ตายหลอกหรือพูดปด แล้วมีโทสะแรงกล้าขึ้นมาในขณะนั้น ถึงขั้นเข้าทำร้ายเอกจนผู้ตายถึงแก่ความตายก็ได้รูปคดีตอนนี้ยังไม่ชี้ชัดลงไปทีเดียวว่า จำเลยพบผู้ตายเพื่อจะตีจะฆ่าด้วยเหตุดังได้วินิจฉัยมา ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษายืน.

Share