คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องขอขอไห้ลงโทสจำเลยถานลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์แต่ฟ้องโจทกล่าวว่าโจทจำเลยได้ร่วมกันรักสาทรัพย์มรดกนั้นหาไช่เรื่องโจทครอบครองทรัพย์หยู่แล้ว จำเลยเอาทรัพย์ไปจากโจทไม่ กรนีจึงไม่เข้า ม.889 (2) และการที่โจทจำเลยร่วมกันรักสาทรัพย์ไว้ก็ไม่ไช่เรื่องที่โจทมอบหมายไห้จำเลยรักสา จึงไม่เปนฟ้องถานยักยอก

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยบังอาดสมคบกันเอาข้าวไนยุ้งอันเปนมรดกของนายอิน นิวรนุสิตซึ่งโจทได้ร่วมกันรุกสาไว้กับจำเลยที่ ๑,๒ ไป โดยจำเลยที่ ๑,๒ ตวงขายไห้จำเลยที่ ๓,๔ โดยไม่มีอำนาดอันชอบด้วยกดหมายเจตนาทุจริตคิดจะเบียดบังเอาทรัพย์มรดกไปเปนประโยชน์ส่วนตัว จำเลยรู้ดีแล้วว่าเปนมรดกร่วมกันหยู่ บังอาดเอาไปเปนประโยชน์ส่วนตัวเสียฝ่ายเดียว ขอไห้ลงโทส
สาลชั้นต้นพิจารนาฟ้องโจทแล้วเห็นว่าไม่มีมูลที่จะเอาผิดแก่จำเลยไนทางอาณาเพราะจำเลยที่ ๑,๒ ร่วมกับโจทรักสาทรัพย์ไนถานะเปนผู้รับมรดกด้วยกัน จึงไม่เปนผิดถานลักทรัพย์ หรือยักยอก
โจทอุธรน์อ้างมาตรา ๒๘๙ (๒) กดหมายอาณา ขึ้นสนับสนุน
สาลอุธรน์คงพิพากสายืน แต่มีความเห็นแย้งว่าฟ้องโจทถูกต้องแล้ว รับไว้พิจารนาได้
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามธัมดาบุคคลจะลักทรัพย์ของตนเองไม่ได้ กดหมายอาณามาตรา ๒๘๙ เปนข้อยกเว้นต้องตีความโดยเคร่งครัด ตามตัวอักสรว่าต้องเอาทรัพย์ไปจากผู้ที่เปนเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน จึงจะเปนความผิด น่าจะหมายความว่าเอาทรัพย์ไปจากเจ้าของร่วมหยู่จิง ๆ เห็นว่าฟ้องโจทไม่พอสแดงข้อเท็ดจิงว่า โจทครอบครองทรัพย์หยู่แล้ว จำเลยเอาทรัพย์ไปจากโจท
ส่วนข้อหาถานยักยอกโจทกล่าวว่าโจทจำเลยร่วมกันรักสาทรัพย์ไว้ เท่านี้จะไห้หมายความว่าโจทได้มอบหมายไห้จำเลยรักสาทรัพย์นั้นไม่ได้ นับว่าโจทไม่ได้กล่าวความตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาณามาตรา ๑๕๘(๕) โดยบริบูรน์ จึงพิพากสายืนตามา

Share