แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์ไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยจริงดังที่ศาลชั้นต้นลงโทษมา แต่ได้ลงโทษด้วยบทหนักฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานลดแล้วคงจำคุก 13 ปี 4 เดือนไม่ระบุว่าโทษฐานชิงทรัพย์มากน้อยเท่าใด ดังนี้ จำเลยย่อมฎีการวมตลอดถึงความผิดฐานชิงทรัพย์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2503)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบชิงทรัพย์ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานสมคบกันชิงทรัพย์ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ประกอบกับมาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 4 ปี จำเลยอายุยังไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นอกจากจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์แล้วจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2), 80, 83, 91, 138 ด้วยแต่ความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเป็นความผิดกระทงหนักที่สุด จึงลงโทษเฉพาะกระทงฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามมาตรา 289(2), 80, 83, 91, 52 วางโทษประหารชีวิต ลดฐานพยายามแล้วเหลือโทษจำคุก 20 ปี แต่จำเลยอายุยังไม่เกิน 20 ปี ลดตามมาตรา 76 อีก 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 13 ปี 4 เดือน
จำเลยฎีกา
คดีนี้ข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาว่า จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานชิงทรัพย์ได้หรือไม่
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยมาในฐานนี้ไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยจริงดังศาลชั้นต้นลงโทษมา แต่ได้ลงโทษด้วยบทหนักฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ลดแล้วคงจำคุก 13 ปี 4 เดือน ไม่ระบุว่าโทษฐานชิงทรัพย์มากน้อยเท่าใด ดังนี้ จำเลยย่อมฎีการวมตลอดถึงความผิดฐานชิงทรัพย์ได้