แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายใบขอซื้อสินค้าเชื่อซึ่งจำเลยลงชื่อไว้ให้โจทก์และรับเงินไปจากโจทก์ โดยจำเลยรับรองว่าหากโจทก์นำใบขอซื้อสินค้าเชื่อนั้นไปขึ้นสินค้าไม่ได้ จำเลยยอมคืนเงินให้ ชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ภริยาจำเลยเป็นผู้นำใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยไปขายให้โจทก์และรับเงินไปจากโจทก์ ทั้งนี้โดยจำเลยบอกโจทก์ว่าจำเลยต้องขับรถไม่มีเวลามาติดต่อ จึงใช้ให้ภริยาจำเลยมาติดต่อ และจำเลยรับรองกับโจทก์ว่าถ้าโจทก์ไปรับสินค้าไม่ได้ จำเลยจะคืนเงินให้การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นการสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่จำเลยได้มาขายสิทธิตามใบขอซื้อสินค้าเชื่อของตน อันเป็นมูลเหตุแห่งหนี้ที่จำเลยได้เข้าตกลงยินยอมผูกพันรับผิดต่อโจทก์ด้วยตัวของจำเลยเอง จึงเกี่ยวแก่ประเด็นแห่งคดีโดยตรงโจทก์มีสิทธินำสืบได้ หาเป็นการสืบนอกฟ้องไม่
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2515)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำงานอยู่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นสมาชิกร้านสหกรณ์รถไฟฯ มีสิทธิซื้อสินค้าเชื่อในวงเงิน ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนเมื่อเกินสิทธินั้น จำเลยก็กรอกจำนวนเงินและลงชื่อในใบขอซื้อสินค้านำมามอบให้โจทก์และขอรับเงินไปจากโจทก์ โดยยอมเสียค่าตอบแทนเมื่อถึงกำหนดที่จำเลยมีสิทธิซื้อสินค้า โจทก์ก็นำใบขอซื้อสินค้านั้นไปขึ้นสินค้าและร้านสหกรณ์จะไปหักเงินค่าสินค้าเอาจากเงินเดือนของจำเลย ทั้งจำเลยรับรองว่า ถ้าร้านสหกรณ์ไม่ยอมจ่ายสินค้าให้โจทก์ จำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์จนเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๘ ร้านสหกรณ์ไม่ยอมให้สมาชิกซื้อสินค้าเชื่อโจทก์ยังมีใบขอซื้อสินค้าของจำเลยซึ่งขึ้นสินค้าไม่ได้อีก ๘ ใบ รวมเงิน๔,๐๕๐ บาท โจทก์ทวงเงินคืนจากจำเลย จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ ไม่เคยกรอกจำนวนเงินลง ชื่อในใบขอซื้อสินค้าให้โจทก์ และไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน ๔,๐๕๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
มีปัญหาว่า ตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ขายใบขอซื้อสินค้าเชื่อให้แก่โจทก์ และรับเงินไปจากโจทก์นั้น ในชั้นพิจารณาโจทก์จะมีสิทธินำสืบได้หรือไม่ว่าจำเลยได้มอบหมายให้นางมาเรียกภริยาจำเลยเป็นตัวแทนนำเอาใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยไปขายให้โจทก์และรับเงินไปจากโจทก์ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดผูกพันต่อโจทก์ด้วย
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า เมื่อได้พิจารณาถึงคำฟ้องคำให้การประกอบกับรูปคดีนี้แล้ว ปรากฏในการนำสืบของโจทก์ว่าชั้นแรกนางมาเรียภริยาจำเลยได้นำใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยมาขายให้โจทก์ก่อนโจทก์ไม่ตกลงด้วย เพราะกลัวว่าจะไปรับสินค้าจากร้านสหกรณ์รถไฟฯ ไม่ได้ต่อมาจำเลยได้มาบอกกับโจทก์ด้วยตนเองว่าจำเลยต้องขับรถไม่มีเวลามาติดต่อกับโจทก์ จำเลยจึงใช้ให้ภริยาจำเลยมาติดต่อ และจำเลยเคยรับรองกับโจทก์ว่าถ้าโจทก์ไปรับของไม่ได้จำเลยจะคืนเงินให้ การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นการสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่ได้มาขายสิทธิตามใบขอซื้อสินค้าเชื่อของตน อันเป็นมูลเหตุแห่งหนี้ที่จำเลยได้เข้าตกลงยินยอมผูกพันรับผิดต่อโจทก์ด้วยตัวของจำเลยเอง จึงเกี่ยวแก่ประเด็นแห่งคดีโดยตรงโจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบดังกล่าวนี้ได้ หาเป็นการสืบนอกฟ้องดังข้อฎีกาของจำเลยไม่
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่า จำเลยได้มอบหมายให้นางมาเรียภริยาจำเลยเป็นคนนำบัตรซื้อสินค้าและใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยซึ่งจำเลยลงชื่อไว้ไปขายสิทธิการซื้อสินค้าเชื่อให้แก่โจทก์ และได้รับเงินไปจากโจทก์ ทั้งจำเลยยังได้รับรองกับโจทก์ว่าถ้าโจทก์ไปขอรับสินค้าจากร้านสหกรณ์รถไฟฯ ไม่ได้ จำเลยจะคืนเงินให้ ต่อมาร้านสหกรณ์รถไฟฯสั่งงดการซื้อสินค้าเชื่อ ทำให้โจทก์ไม่สามารถนำใบขอซื้อสินค้าเชื่อของจำเลยรวม ๘ ฉบับ ไปรับสินค้าจากร้านสหกรณ์รถไฟฯ ได้ คิดเป็นเงิน๔,๐๕๐ บาท จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน