แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้ง 16 คนรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินรวมกัน โดยไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ และตามฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดควบคุมกระบือของตนเองหรือควบคุมแทนผู้ใด และไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่ากระบือของผู้ใดทำความเสียหายให้แก่โจทก์มากน้อยเพียงใด จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของนาฟางร่วมกัน 1 แปลงเนื้อที่ 40 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ด้านทิศใต้และตะวันออกติดป่า ทิศเหนือติดนานายสม กันธิยะ นายจันทร์ กันธิยะ ทิศตะวันตกติดหนอง ซึ่งโจทก์ได้ร่วมกันทำกินทุกปี ใน พ.ศ. 2511 โจทก์ได้ร่วมกันปลูกข้าวไว้เต็มเนื้อที่นา ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2511 จำเลยซึ่งเป็นผู้ควบคุมกระบือได้ปล่อยปละละเลยให้กระบือที่จำเลยควบคุมไว้ประมาณ 50 ตัว เข้าไปเหยียบย่ำกินข้าวในนาของโจทก์เสียหายทั้งหมดทำให้โจทก์เสียหายข้าวเปลือกที่โจทก์จะเก็บเกี่ยวได้ไปจำนวน 800 ถัง คิดเป็นเงิน 8,000 บาท โจทก์ได้ร้องเรียนต่อนายอำเภอและพนักงานสอบสวนอำเภอเมืองเชียงรายขอให้เปรียบเทียบให้จำเลยใช้ข้าวแล้ว จำเลยทุกคนไม่ยอมจึงขอศาลบังคับจำเลยใช้ข้าวเปลือกจำนวน 800 ถัง ๆ ละ 20 ลิตร หรือใช้ราคาเป็นเงิน 8,000 บาทให้โจทก์ให้จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์
จำเลยทั้ง 16 คนให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายให้เป็นพับ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมและฟังได้ว่ากระบือของจำเลยทั้ง 16 คนเข้าไปเหยียบย่ำกินข้าวในนาโจทก์เสียหายตามฟ้อง แต่ควรหักค่าแรงต่าง ๆ จากจำนวนข้าวที่โจทก์เรียกมาออก 50 ถัง ๆ ละ 20 ลิตร พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้ง 16 คนร่วมกันใช้ข้าวเปลือกจ้าวจำนวน 750 ถัง ๆ ละ 20 ลิตร หรือใช้ราคา 7,500 บาทให้โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าทนายความสองศาล 300 บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้ง 16 คนฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้ง 16 คนรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวนเงินรวมกันโดยไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยแต่ละคนต่างมีกระบือของตนมากน้อยต่างกัน และจำเลยบางคนไม่มีกระบือเลย โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมกระบือก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดควบคุมกระบือของตนเองหรือควบคุมแทนผู้ใด เป็นจำนวนกระบือของใครกี่ตัว เพียงแต่ระบุรวม ๆ กันว่าประมาณ 50 ตัว ทั้งไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่ากระบือของผู้ใดได้ทำความเสียหายให้แก่โจทก์มากน้อยเพียงใด จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยไม่สามารถจะเข้าใจและให้การต่อสู้คดีได้ ดังที่จำเลยต่อสู้คดีไว้ ทั้งไม่มีทางที่ศาลจะบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาให้เป็นพับกันไป