แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ยกข้อเท็จจริงทำนองว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้องขึ้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จำเลยเองก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าการที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยนั้นไม่ชอบแต่อย่างใด แต่จำเลยกลับยกข้อเท็จจริงว่ามิได้กระทำผิดทำนองเดียวกับที่เคยยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ขึ้นฎีกาซ้ำอีก ถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นฎีกาเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกา และถือไม่ได้ว่าฎีกาดังกล่าวเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 ทั้งมิได้เป็นข้อความที่ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินไว้ จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ได้ ดังนั้นที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวมาจึงเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 371, 376 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ จำคุก 10 วัน รวมจำคุก 2 ปี 10 วัน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 5 วัน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาสรุปได้ว่า วันเกิดเหตุพวกของจำเลยวานให้จำเลยไปหยิบของที่วางอยู่ที่หน้ารถ จำเลยจึงไปหยิบของดังกล่าวซึ่งห่อด้วยกระดาษโดยมิได้เปิดดูแต่อย่างใด พอมาถึงบริเวณที่พวกของจำเลยยืนอยู่ได้มีเจ้าพนักงานตำรวจมาตรวจค้นและถามจำเลยว่าถืออะไรอยู่ จำเลยตกใจจึงขว้างห่อกระดาษทิ้งและเพิ่งทราบว่าเป็นอาวุธปืนปากกา จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพียงแต่ยึดถือไว้แทนพวกของจำเลย เป็นทำนองว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้องนั้น เห็นว่า ในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ยกข้อเท็จจริงทำนองดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จำเลยก็ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยนั้นไม่ชอบแต่อย่างใด แต่จำเลยกลับยกข้อเท็จจริงทำนองเดียวกับที่เคยยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ขึ้นฎีกาซ้ำอีก ถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นฎีกาดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกา และถือไม่ได้ว่าฎีกาดังกล่าวเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ทั้งมิได้เป็นข้อความที่ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินไว้ จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ได้ ที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวมาเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของจำเลย
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกหรือรอการกำหนดโทษนั้น เห็นว่า การที่จำเลยมีและพาอาวุธปืนของกลางพร้อมทั้งกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนดังกล่าวซึ่งใช้ดินระเบิดยิงโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน และที่ชุมนุมชน นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายของบ้านเมือง เป็นที่หวาดกลัวและอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไปในละแวกนั้น พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์ในการกระทำผิดแล้ว แต่เฉพาะความผิดฐานพาอาวุธปืนโทษจำคุกที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดมานั้นหนักเกินไป เห็นสมควรกำหนดโทษจำคุกในความผิดฐานดังกล่าวเสียใหม่เหมาะสมแก่รูปคดี ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานพาอาวุธปืนให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานยิงปืนโดยใช่เหตุหลังลดโทษให้จำเลยฐานละกึ่งหนึ่งแล้ว เป็นจำคุก 9 เดือน 5 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์