คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีหมายเลขแดงที่ 212/2504 พิพาทกันเรื่องละเมิด ขอให้ทำเขื่อนกั้นที่ดิน คดีเสร็จเด็ดขาดกันไปแล้ว คดีนี้ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทำรั้วเขตที่รุกล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ เป็นคนละเรื่อง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์จำเลยที่ 1 มีเขตติดต่อกัน จำเลยทั้งสามทำรั้วไม้บนเสาหัวเขื่อนรุกแนวเขตที่ดินเข้ามาในที่ดินกว้างประมาณ 11 เซ็นติเมตร ยาวประมาณ 12 เมตรเศษ ขอให้พิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย และให้จำเลยรื้อรั้วที่ปลูกสร้างรุกล้ำ ฯลฯ

จำเลยทั้งสามให้การว่า รั้วไม้ที่ทำขึ้นอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 1 ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วพิพาทออกไปจากที่ดินโจทก์ ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

มูลคดีนี้สืบเนื่องมาจากคดีแดงของศาลชั้นต้นที่ 212/2504 ระหว่างเด็กชายศักดา ธีระศักดิ์ ฯ โจทก์ (คือจำเลยคดีนี้) เด็กชายสุระควง ฯ จำเลย (คือโจทก์คดีนี้) เรื่องละเมิด ในคดีนั้นโจทก์กล่าวฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน จำเลยได้ขุดที่ดินทางตอนใต้ของจำเลยซึ่งอยู่ติดคลองประเวศบุรีรัมย์เพื่อทำเป็นอู่จอดเรือจำเลยได้ขุดตรงแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยจากคลองประเวศบุรีรัมย์เข้าไปประมาณ 6 วา เป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ด้านที่ติดกับของจำเลยถูกกระแสน้ำซึมเข้าไปพังทะลายเสียหายตลอดแนวระยะยาว 6 วา กว้างตั้งแต่ 1 ศอกถึง 2 ศอกเศษ จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยจัดทำเขื่อนกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กที่แนวเขตที่ดินของจำเลยติดต่อกับของโจทก์ คดีนั้นคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลมีข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงจ้างเหมาช่างทำเขื่อนไม้กั้นตรงที่พิพาท โดยกั้นจดเขื่อนไม้ด้านหน้าที่ดินโจทก์ลึกเข้าไปยาว 6 วา กว้าง 6 ศอก ฯลฯแต่เขื่อนที่จะทำนี้ ด้านที่ติดต่อกับคลองประเวศบุรีรัมย์นั้นล้ำเข้าไปในเขตของชลประทาน การทำเขื่อนที่ล้ำเข้าไปในเขตของชลประทานต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน คู่ความจึงได้ตกลงกันทำเขื่อนในที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในเขตของชลประทานก่อน ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมชลประทาน ยังอยู่ในระหว่างเจ้าหน้าที่ไปสำรวจ เพื่อตัดความยุ่งยาก โจทก์ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์จำเลยทำเขื่อนเฉพาะภายในเขตที่ดินของโจทก์ไปก่อน โดยทำตามสัญญายอม ส่วนการทำเขื่อนและถมดินภายในเขตของชลประทานตามแผนที่พิพาทนั้น ฝ่ายโจทก์จะออกเงินของโจทก์ทำเองในภายหลัง โดยโจทก์สละสิทธิตามสัญญายอม ไม่ต้องให้ฝ่ายจำเลยออกเงินช่วยเลย และคู่ความได้ตกลงแบ่งกันทำเขื่อนคนละตอนตามที่ตกลงกัน

คู่ความได้ทำเขื่อนตามที่ตกลงกันไว้แล้ว ต่อมาจำเลย (ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อน) ได้ทำรั้วกั้นหัวเขื่อนขึ้น โจทก์จึงได้นำคดีนี้มาฟ้องหาว่าจำเลยทำรั้วรุกล้ำเข้ามาในเขตของโจทก์

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เขื่อนนั้นไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของจำเลย

จำเลยฎีกาว่า คดีนี้ชอบที่โจทก์จะขอบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 212/2504 จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่เช่นนี้ไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ ศาลฎีกาเห็นว่า คดีหมายเลขแดงที่ 212/2504 พิพาทกันเรื่องละเมิดขอให้ทำเขื่อนกั้นที่ดินคดีเสร็จเด็ดขาดกันไปแล้วคดีนี้จำเลยได้ทำรั้วเขตที่รุกล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์เป็นคนละเรื่องหาได้เกี่ยวกับสำนวนเดิมไม่ จึงไม่ใช่ฟ้องซ้ำ

พิพากษายืน

Share