คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9219/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์ให้ผู้อุทธรณ์ทำมาใหม่เป็นคำสั่งชั้นตรวจคำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามภายในเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ตามวรรคสองของ มาตรา 18 แต่วรรคท้ายของมาตรา 18 บัญญัติให้อุทธรณ์และฎีกาคำสั่งของศาลที่ไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความตามมาตรานี้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227, 228 และ 247 กรณีมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 234 แห่ง ป.วิ.พ. ที่จำเลยจะต้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์แต่อย่างใด เพราะกรณีนี้อยู่ในชั้นตรวจคำคู่ความ การที่จำเลยไม่ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในเวลา 3 วันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 18 วรรคสอง หาทำให้จำเลยหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์ให้ทำมาใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 วรรคท้าย ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองจนกว่าจะออกไปจากที่ดิน วันที่ 19 สิงหาคม 2545 จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งว่าถ้อยคำอุทธรณ์ที่ขีดเส้นใต้มีลักษณะก้าวร้าว ให้คืนอุทธรณ์ไปทำมาใหม่ภายใน 3 วัน จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง วันที่ 26 สิงหาคม 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คืนค่าธรรมเนียมศาล
วันที่ 10 กันยายน 2545 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่จำเลยประกอบอาชีพทนายความอยู่ที่กรุงเทพมหานครเพิ่งทราบคำสั่งศาลเมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้วจึงไม่อาจแก้ไขอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลได้ ทั้งข้อความในอุทธรณ์ที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะก้าวร้าวนั้น จำเลยหยิบยกมาจากคำพิพากษามิได้มีเจตนาก้าวร้าวแต่อย่างใด จึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ และหากศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรจะมีการแก้ไขตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จำเลยก็ยินดีจะแก้ไข ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง เพราะยื่นเมื่อล่วงพ้น 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234
วันที่ 18 กันยายน 2545 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2545 ที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์แล้วทำมาใหม่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 228 (3) ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้นและให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีของจำเลยเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 มิใช่ตามมาตรา 228 (3) จึงไม่รับอุทธรณ์ คืนค่าฤชาธรรมเนียม
วันที่ 18 กันยายน 2545 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งให้คืนฟ้องอุทธรณ์ซึ่งสั่งเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2545 ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยผู้อุทธรณ์ทำมาใหม่แล้วยื่นต่อศาลภายใน 3 วัน นับแต่วันมีคำสั่งเป็นคำสั่งชั้นตรวจคำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามภายในเวลาที่กำหนด แม้ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ตามวรรคสองของมาตรา 18 ก็ตาม แต่วรรคท้ายของมาตรา 18 ก็บัญญัติให้อุทธรณ์และฎีกาคำสั่งของศาลที่ไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความตามมาตรานี้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227, 228 และ 247 กรณีมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 234 แห่ง ป.วิ.พ. ที่จำเลยจะต้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์แต่อย่างใด เพราะกรณีนี้อยู่ในชั้นตรวจคำคู่ความ เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์วันที่ 19 สิงหาคม 2545 และมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์วันที่ 26 สิงหาคม 2545 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ วันที่ 10 กันยายน 2545 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาในวันที่ 18 กันยายน 2545 จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์แล้วทำมาใหม่ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 227 และ 228 (3) วรรคสอง แล้ว การที่จำเลยไม่ทำอุทธรณ์มายื่นใหม่ภายในเวลา 3 วันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 18 วรรคสอง หาทำให้จำเลยหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งที่ให้คืนคำฟ้องอุทธรณ์แล้วทำมาใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 วรรคท้าย ไม่
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งต่อไปตามกฎหมาย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share