แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นการยื่นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(1) ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบจนเป็นที่พอใจของศาลว่า จำเลยตั้งใจจะโอนขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาล ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 255 วรรคสอง (ก) ไม่ใช่กรณีตามมาตรา 264โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าจำเลยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินอันเป็นสินค้าที่จำเลยมีอยู่ในร้านค้าของจำเลยเท่านั้นยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะสั่งให้ยึดทรัพย์สินจำเลยตามคำขอได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดและได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยการยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและคัดค้านคำร้องขอให้มีคำสั่งยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นการยื่นคำขอตามบทบัญญัติของมาตรา 254(1) ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบจนเป็นที่พอใจของศาลว่า จำเลยตั้งใจจะโอน ขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาล ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 255 วรรคสอง (ก) ส่วนการยื่นคำร้องขอตามมาตรา 264 นั้น เป็นกรณีที่ให้สิทธิแก่คู่ความที่จะมีคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อการบังคับคดีตามคำพิพากษา กรณีของโจทก์ในคดีนี้ โจทก์นำสืบแต่เพียงว่าจำเลยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินอันเป็นสินค้าที่จำเลยมีอยู่ในร้านของจำเลยเท่านั้น โดยไม่ได้ความว่าจำเลยตั้งใจจะโอน ขาย จำหน่าย หรือยักย้ายทรัพย์สินไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาล จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะสั่งให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยตามคำขอได้
พิพากษายืน