คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9190/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นฟ้องโดยระบุชื่อในช่องจำเลยว่า นาย ธ. โดยนาย ม.ผู้แทนโดยชอบธรรม และบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย ม. จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์คันอื่นที่บุตรผู้เยาว์ของโจทก์นั่งซ้อนท้าย เป็นเหตุให้บุตรผู้เยาว์ของโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องนาย ธ. ผู้ทำละเมิดเป็นจำเลยให้รับผิดผู้เดียว ส่วนผู้ร้องเป็นเพียงผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ในฐานผู้ต่อสู้คดีและดำเนินคดีแทนจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ของผู้ร้องเท่านั้น หาใช่เป็นคำฟ้องที่ฟ้องผู้ร้องให้รับผิดร่วมกับจำเลยด้วยไม่ สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมก็ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าผู้ร้องยอมผูกพันรับผิดร่วมกับจำเลย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกระทำแทนจำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมเช่นเดียวกัน ผู้ร้องจึงไม่มีฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แม้ผู้ร้องอาจต้องรับผิดร่วมกับจำเลยหากพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น แต่เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องให้รับผิดร่วมกับจำเลยและผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของผู้ร้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในมูลละเมิดระหว่างพิจารณาโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม โดยมีข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ 52,000 บาท ชำระภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2548 จำนวน 10,000 บาท ส่วนที่เหลือจะผ่อนชำระโดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของนางผ่องพรรณ เดือนละ 2,000 บาท ภายในทุกวันที่ 5 ของเดือน นับแต่เดือนมกราคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีและให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระ ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำขอของโจทก์แล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์แถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของผู้ร้อง และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งอายัดไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนพาณิชยการพลาญชัยจังหวัดร้อยเอ็ด ให้ส่งเงินร้อยละ 30 ของเงินเดือนที่ผู้ร้องมีสิทธิได้รับทุกเดือนไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป การอายัดเงินเดือนของผู้ร้องดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ร้องเป็นเพียงผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินคดีแทนจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องให้ร่วมรับผิดกับผู้เยาว์ในผลแห่งละเมิดที่ผู้เยาว์ได้ก่อขึ้น ผู้ร้องจึงมิได้เป็นคู่ความผู้แพ้คดีและมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ขอให้มีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง เพิกถอนคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และคืนเงินที่อายัดแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หนี้ละเมิดเกิดจากผู้เยาว์ ผู้ร้องเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ต้องร่วมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ทั้งผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาล จะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายพร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแม้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งอนุญาต แต่การที่โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้านภายในกำหนดเวลาแก้อุทธรณ์และศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลฎีกา พอแปลได้ว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง แล้ว
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องโดยระบุชื่อผู้ถูกฟ้องในช่องจำเลยว่า นายธีรวุฒิโดยนายมงคลผู้แทนโดยชอบธรรม และบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายมงคล ส่วนสภาพแห่งข้อหาโจทก์กล่าวมาในคำฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทชนรถจักรยานยนต์คันอื่นที่บุตรผู้เยาว์ของโจทก์นั่งซ้อนท้าย เป็นเหตุให้บุตรผู้เยาว์ของโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลและมีค่าเสียหายอย่างอื่น และคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยดังนี้ คำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องนายธีรวุฒิผู้ทำละเมิดเป็นจำเลยให้รับผิดผู้เดียว ส่วนผู้ร้องเป็นเพียงผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ในฐานะผู้ต่อสู้คดีและดำเนินคดีแทนจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ของผู้ร้องเท่านั้น หาใช่เป็นคำฟ้องที่ฟ้องผู้ร้องรับผิดร่วมกับจำเลยด้วยไม่ สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมก็ระบุเพียงว่า โจทก์และจำเลยขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าผู้ร้องยอมผูกพันรับผิดร่วมกับจำเลย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ร้องกระทำแทนจำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมเช่นเดียวกัน ผู้ร้องจึงไม่มีฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แม้ผู้ร้องอาจต้องรับผิดร่วมกับจำเลยหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้นก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องให้รับผิดร่วมกับจำเลยและผู้ร้องมิได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของผู้ร้องได้ แต่เนื่องจากตามคำร้องยังไม่แน่ชัดว่า ได้มีการอายัดเงินเดือนของผู้ร้องไปแล้วจริงหรือไม่ และเป็นจำนวนเท่าใด ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share