แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ฐานทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1 ทำให้เสียทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสาม และมีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 และผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทอีกกระทงหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากแยกจากกันได้จากความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 83, 91, 288, 289, 358, 364, 365, 371 ริบของกลาง
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยที่ 6 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 289 (4), 358, 362, 365, (1) (2) (3), 371 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ให้จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 4 อายุ 19 ปี รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว จึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ จำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูกประกอบมาตรา 52 (2)) กึ่งหนึ่ง ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ คงจำคุก 3 เดือน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต้องโทษประหารชีวิตแล้วและจำเลยที่ 6 ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 เพียงสถานเดียว และให้จำคุกจำเลยที่ 6 ตลอดชีวิต เพียงสถานเดียว ริบของกลาง ยกฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 และที่ 5 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296, 290 วรรคสอง, 358, 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364, 371 ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 (ที่ถูก มาตรา 91) ฐานร่วมกันพาอาวุธไปโดยไม่มีเหตุสมควร ไม่กำหนดโทษ ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้าย ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 คนละ 10 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 6 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดตามฟ้องฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ฐานทำให้เสียทรัพย์ และฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สามารถแยกการกระทำความผิดแต่ละฐานได้อย่างชัดเจน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เห็นว่า นอกจากจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 จะร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1 ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธแล้วร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กาย และผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ยังได้บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1 ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธแล้วร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ 1 หลายรายการ ทั้งยังทำให้เสียหายซึ่งรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่ 2 และรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งของผู้เสียหายที่ 3 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 มีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทอีกกระทงหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากแยกจากกันได้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน แต่ที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำแก้ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 4 ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ยังมีความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ และทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364, 83 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) (2) (3) ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 6 ในความผิดฐานนี้ มีกำหนด 3 เดือน เมื่อรวมทุกกระทงความผิดแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีกำหนดคนละ 10 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 5 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8