แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยใช้อาวุธปืนตีศีรษะ ว. ได้รับบาดเจ็บ แต่ปืนลั่นกระสุนปืนถูก ด.และส. ดังนี้มิใช่ผลของการกระทำพลาดไปถูกด.และส. ตาม ป.อ. มาตรา 60 การที่กระสุนปืนลั่นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้ ด.ตายและส. บาดเจ็บจำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ 390 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดโดยเจตนา เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาท จึงย่อมลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2526 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นจำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 1 นัด ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แล้วจำเลยพาอาวุธดังกล่าวไปในที่ชุมนุมชนที่จัดให้มีงานอุปสมบทที่หมู่ที่ 2 ตำบลลำเหย โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนตีศรีษะนายวิทยาปลาบู่ทอง 1 ครั้ง เป็นเหตุให้นายวิทยาได้รับบาดเจ็บปรากฎตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายวิทยา เด็กหญิงดรุณี แสนคำ นางสาวสายใจ ใจพันธ์ 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายวิทยาที่แขน ถูกนางสาวสายใจที่ท้อง ถูกเด็กหญิงดรุณีที่หน้าอกทะลุเข้าหัวใจ เป็นเหตุให้เด็กหญิงดรุณีถึงแก่ความตายปรากฎตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ และรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง เหตุทั้ง 4 กรณีเกิดที่ตำบลลำเหย อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม พนักงานสอบสวนยึดหัวกระสุนปืนลูกซองได้ 2 เม็ดในที่เกิดเหตุและ 1 เม็ดจากศพเด็กหญิงดรุณี วันที่ 3 สิงหาคม 2526 เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,288, 295 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ คำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 212519 ข้อ 3, 6, 7 และขอริบของกลาง
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290, 295, 60, 295 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8,ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 จำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ลงโทษตามมาตรา 290 อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุก6 ปี ข้อหามีอาวุธปืนจำคุก 1 ปี ข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 5 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่กรรมหนึ่งพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการอุปสมบทการรื่นเริงและการมหรสพกรรมหนึ่ง และใช้ด้ามปืนดังกล่าวตีศรีษะนายวิทยาได้รับบาดเจ็บเลือดไหลเข้าตาต้องรักษาประมาณ 7 วัน แล้วกระสุนปืนลั่นไปถูกเด็กหญิงดรุณีถึงแก่ความตาย และถูกนางสาวสายใจได้รับบาดเจ็บต้องรักษาตัวประมาณ 10 วันอีกกรรมหนึ่ง คดีมีปัญหาต่อไปว่า การกระทำของจำเลยกรรมหลังเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 และมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 ตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้ด้ามปืนตีศรีษะนายวิทยาได้รับบาดเจ็บย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ปืนยิงเพื่อฆ่าหรือทำร้ายนายวิทยากรณีจึงมิใช่เป็นการที่จำเลยมีเจตนากระทำต่อนายวิทยา แต่ผลของการกระทำเกิดแก่เด็กหญิงดรุณีและนางสาวสายใจโดยพลาด อันอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา290, 295 ประกอบด้วย มาตรา 60 อย่างไรก็ตามการที่กระสุนปืนลั่นขึ้นดังกล่าวนั้น เกิดจากจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ซึ่งจำเลยอาจใช้ได้ในการใช้อาวุธปืนตีนายวิทยา ถือได้ว่ากระสุนปืนลั่นขึ้นเพราะความประมาทของจำเลย และเมื่อความประมาทนั้นเป็นผลให้เด็กหญิงดรุณีถึงแก่ความตายและนางสาวสายใจได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 และถึงแม้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาแต่ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเช่นนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสอง และวรรคสามก็บัญญัติให้ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291, 295, 390 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ คำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 จำเลยกระทำความผิดขณะมีอายุไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291จำคุก 4 ปี ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 7, 72 จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8ทวิ, 72 ทวิ จำคุก 6 เดือน รวมโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 ปี 6 เดือนจำเลยให้รับการสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 8 เดือน ของกลางริบ”.